Macroeconomics ที่มา: US Bureau of Labour Statistics ที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯที่ประกาศเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ โดยเฉพาะหมวดอาหาร พลังงาน ยานพาหนะ และ Medical Care Services ที่ปรับลงมาค่อนข้างเยอะ ทำให้ตอนนี้มีแนวโน้มว่า Fed จะ Hawkish น้อยลงและชะลอการขึ้นดอกเบี้ยลงเพราะแสดงให้เห็นว่าที่อัตราดอกเบี้ยระดับนี้เริ่มช่วยให้เงินเฟ้อลดลงได้แล้ว ที่มา: CME Group โดยถ้าดูจาก FedWatch Tool จาก CME Group จะเห็นว่านักลงทุนกว่า 80.6% ให้น้ำหนักว่าการประชุมครั้งต่อไป Fed จะขึ้นดอกเบี้ยที่ 50 bps ซึ่งจากแนวโน้มนี้เงินน่าจะไหลกลับสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ตามที่เห็นจากราคาหุ้นสหรัฐฯทั้งดาวโจนส์ S&P500 และ NASDAQ ปรับตัวขึ้นตอบรับไป ที่มา: ISM World อีกตัวเลขที่น่าสนใจคือดัชนี Manufacturing PMI หรือจำนวนการซื้อสินค้าของฝ่ายจัดซื้อ ที่เริ่มเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลงในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งจากสถิติในอดีต การที่ดัชนี Manufacturing PMI ปรับตัวลดลง เงินเฟ้อจะลดลงตามไปด้วย พร้อมกับโอกาสที่จะเกิด Recession เพราะแสดงถึง Consumer Demand ที่ลดลง ที่มา: Tradingview DXY index เริ่มปรับตัวลดลงสอดคล้องกับแนวโน้มการไหลออกไปสินทรัพย์เสี่ยง ส่วนคริปโทฯไม่ขึ้นแรงตามตลาดหุ้นเพราะมีปัจจัยลบภายในที่เกิดจากเหตุการณ์การล่มสลายของ FTX ราคา Bitcoin มีเป้าถัดไปที่ราคา $14,200 และ $11,500 ถ้าจะขึ้นต่อควรกลับไปยืนที่ $18,000 ให้ได้ การที่คริปโทฯราคาไม่ลงและเด้งขึ้นเล็กน้อยน่าจะเป็น Mini Rally จากข่าวตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับลดลง แต่ยังไว้วางใจไม่ได้ อาจจะต้องรอดูไปอีก 1-3 เดือนให้เฉลยออกมาก่อนว่ามีใครได้รับผลกระทบจาก FTX บ้าง และประเมินสถานการณ์อีกที DeFi/Blockchain ตอนนี้ต้องคอยติดตามเหตุการณ์ล่มสลายของ FTX ว่าจะมี Domino ไปที่อะไรบ้าง เพราะว่า FTX เป็น Exchange ที่รายใหญ่ใช้กันเยอะ เช่น Market Maker, Hedge Fund ต่างๆ และการระดมทุจของ FTX Series A, B, C ก็มีแต่รายใหญ่ๆลงทุนทั้งนั้น ที่มา: DeFillama อีกสิ่งที่ควรจับตามองราคาที่เป็นจุด Liquidation ของ ETH โดยจุดสำคัญจุดแรกคือที่ราคา $750 จะมี ETH ถูก Liquidate จำนวน 310,000 ETH และ stETH ที่ราคา $1067 จะมี ETH ถูก Liquidate จำนวน 86,000 ETH ส่วน wBTC จุดสำคัญคือที่ราคา $9545 จะมี ETH ถูก Liquidate จำนวน 5000 ETH เป็นต้น ถ้าเข้าไปศึกษาเหรียญ Exchange เช่น Kucoin, Crypto.com จะเห็นว่า Top Holder คือตัว Exchange เอง ซึ่งเป็นสัดส่วนเยอะมาก เป็นความเสี่ยงทำให้เกิดเหตุการณ์แบบ FTX ได้ โดยเฉพาะถ้า Exchange นำเหรียญไปค้ำกู้เงิน ซึ่งเป็นไปได้สูงเพราะเหรียญ Exchange มี Use Case จำกัด เช่น Buy Back & Burn, ลง IEO จึงควรระวังเหรียญ Exchange ไว้ด้วย ช่วงนี้ %APR ของ DEX พุ่งสูงมากจากค่า Fee เพราะมีคนเข้ามาเทรดเยอะขึ้นจากวามผันผวนของตลาด เช่น APR ของ คู่ ETH/Stablecoin บน SushiSwap พุ่งขึ้นเป็นหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วงแรกๆ คนฝาก LP ก็ได้ค่า Fee ไปเต็มๆ แต่น่าจะลดลงเรื่อยๆ นอกจากนี้แพลทฟอร์มเทรด Derivatives อย่างเช่นคนที่วาง GLP บน GMX ก็ได้ประโยชน์จาก Trading Volume ที่พุ่งขึ้นจากความผันผวนในช่วงนี้เช่นกัน แต่ใครจะไปวางก็ให้ระมัดระวังสถานการณ์ด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะมี Domino จากเหตุการณ์ FTX อีกแค่ไหน TVL บนเชน Solana ลดลงเยอะมาก และก็มีเหรียญบนเชนหลายตัวที่อาจจะถูกสร้างขึ้นมาโดย Alameda ที่ไม่รู้ว่ามี Asset Back อยู่ไหม ตอนนี้เชน Solana จึงไม่น่าเสี่ยง พวก Ethereum Layer 2 หรือ Layer 1 หรือ Modular Blockchain ตัวอื่นๆเช่น Sui, Celestia มีความเป็นไปได้มากกว่าเชน Solana กระแส Modular Blockchain อาจจะน่าสนใจใน Cycle หน้า อย่างไรก็ตามยังเป็นไอเดียใหม่ และยังไม่รู้ว่าใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าใครสนใจช่วงนี้อาจจะลองหางาน Contribute ทำเพื่อลุ้น Airdrop ได้ เกม Star Atlas บน Solana จะไม่ย้ายเชน และเงินทุนของโปรเจกต์เก็บเป็นเงินดอลลาร์ จึงน่าจะไปรอดได้ เป็นเกมดีมีคุณภาพอีกตัวหนึ่ง ที่มา : Coindesk ช่วงนี้เหรียญ ETH เริ่มเป็น Net Burn แล้ว จาก Inflation ต่อวันที่ลดลงและการ Burn ค่าธรรมเนียมจาก EIP 1559 ส่วนหนึ่งที่เป็น Net Burn ช่วงนี้เพราะ Volume บนเชนพุ่ง ต้องติดตามดูต่อไปว่าหลังจากนี้จะ Burn ต่อไหม .
คำเตือนความเสี่ยง : คริปโทเคอร์เรนซี่และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้