Macroeconomics โดยรวมในปี 2022 ที่ผ่านมาสินทรัพย์แทบทุกอย่างให้ผลตอบแทนติดลบ ยกเว้นแค่ Commodity กับ Cash ส่วนคริปโตเคอเรนซี่ก็ถือว่า Underperform สินทรัพย์อื่นๆ โดยกลุ่ม Metaverse ตกหนักที่สุด ส่วนกลุ่ม Privacy coin ตกน้อยที่สุด ช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม ให้จับตาดูตัวเลข Non-farm payrolls และตัวเลขเงินเฟ้อ Core inflation rate ว่าจะปรับตัวลดลงจากระดับปัจจุบันที่ 7.1% หรือไม่ ตัวเลขเงินเฟ้อค่อนข้างสำคัญที่จะส่งผลต่อนโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และตัดสินทิศทางของตลาด ถ้าเงินเฟ้อลงไม่พอและปีนี้ Fed ขึ้นดอกเบี่ยเกิน 5% จะทำให้ตลาด Panic ได้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าสภาพตลาดตอนนี้คล้ายกับในปี 1970 คือถ้าในปีนี้เงินเฟ้อเริ่มทรงตัวได้ ตลาดหุ้นจะดีดกลับ แต่ถ้าเงินเฟ้อกลับมาพุ่งอีกครั้งจะทำให้ตลาดหุ้น Panic และตกหนัก การที่จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่เงินเฟ้อกลับมาพุ่งอีกได้คือจะต้องเกิด Recession และ CPI ลดเยอะๆ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า Fed น่าจะ Pivot ช่วง Q3 2023 และช่วง Q1-Q2 ควรจะเป็นช่วงสะสมที่ดีในกรณีที่ Recession เป็นแบบ Soft landing แต่ถ้าเป็น Hard landing ตลาดก็อาจจะลงต่อ DeFi/Alt coin ขอบคุณภาพจาก Galois capital หนึ่งในวิธีการจำแนกโปรเจกต์คริปโทฯคือ Griftiness หรือดีกรีความแสกม และ Utopianism หรือความสามารถของโปรเจกต์ในการแก้ปัญหาที่มีอยู่ ตัวอย่างเช่น เหรียญ BNB จัดอยู่ใน Quadrant 1 เพราะไม่ใช่เหรียญสแกม (Lower grift) แต่ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไร (Lower utopianism) เป็นต้น กลุ่มที่ปลอดภัยที่สุดคือกลุ่ม Quadrant 1 เช่น BNB, BTC, ETH ส่วนถ้าเสี่ยงขึ้นมาหน่อยก็เป็น Quadrant 2 เช่น โปรเจกต์ที่อาจเข้ามาแก้ปัญหาใหม่ๆ ที่ยังไม่เกิด แต่อาจจะเกิดใน Cycle หน้า อย่างเช่นกลุ่มที่เป็น AI, MEV และถ้าเป็น Quandrant 4 อย่างเหรียญ Meme Token ที่เสี่ยงมากที่สุดแต่หากอ้างอิงจากสถิติย้อนหลังก็สามารถ perform ได้ดีในตลาดกระทิง ขอบคุณภาพจาก Messari ใน Q1 2023 นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า หนึ่ง Sector ที่อาจจะ Outperform ได้คือ Liquid staking เพราะในช่วงเดือนมีนาคม Ethereum จะมี Shanghai upgrade ทำให้คนที่ Stake เหรียญ ETH ถอนออกมาได้ ซึ่งคาดว่าจะทำให้คนมาสนใจใช้บริการ Liquid staking มากขึ้น และตอนนี้ Staking ratio ของ ETH ยังอยู่แค่ 14% ซึ่งยังเติบโตได้อีกมาก (เชนอื่นประมาณ 70%) เหรียญในกลุ่มนี้ที่น่าจับตามอง เช่น LDO, RPL แต่ถ้าดู Valuation เหรียญ LDO จะราคาถูกกว่าตัวอื่นๆ ข้อเสียของเหรียญ LDO คือยังเป็นแค่ Governance token ที่ใช้โหวตอย่างเดียว ส่วน RPL ใช้ Stake เพื่อลดจำนวนเหรียญ ETH ที่ใช้ในการตั้ง Validator ได้ อีกกลุ่มที่นักวิเคราะห์มองว่าน่าจับตามองคือ DeFi เพราะจากวิกฤติที่เกิดขึ้นกับ CeFi และราคาเหรียญในกลุ่ม DeFi ที่ที่ผ่านมาลงเยอะมากจน Downside ตอนนี้น่าจะต่ำมากแล้ว ตามแผนของหลายๆโปรเจกต์ ในปี 2023 คาดว่าจะมีการออกเหรียญ อย่างเช่น Arbitrum ที่เป็น Layer 2, Lens protocol ที่เป็น Social media (กลุ่ม Social media ก็เป็นอีกกลุ่มที่ระดมทุนได้เยอะ) ซึ่งจากมุมมองของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าถ้าออกเหรียญในช่วงที่ตลาดเริ่มกลับมาดีอาจจะทำให้คริปโทฯกลับมาคึกคักได้ .
คำเตือนความเสี่ยง : คริปโทเคอร์เรนซี่มีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวนและสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต