Monthly Report
August 17, 2023
Cryptomind Monthly Outlook (August 2023)

*ข้อมูลระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม 2023 – 14 สิงหาคม 2023

สรุปข่าวเด่น

USD/THB: 35.2 Resistance

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มผันผวน ในกรอบ 34.5 - 36  บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โดย ณ ปัจจุบัน อัตราการแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 35.4 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ โดยมี 3 ปัจจัยคอยจับตามองดังนี้ 

1. พันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีของ US กำลังขึ้นไปอยู่ที่ 5% : พันธบัตรรัฐบาลอเมริกาอายุ 2 ปีถูกเทขายจนดันผลตอบแทนขึ้นไปถึงใกล้จุดที่ 5% และเทขายพันธบัตรเพื่อเข้าถือดอลล่าร์แทน จนดันให้ดัชนีดอลล่าร์ไปถึง 103 ส่งผลให้ดอลล่าร์มีแนวโน้มแข็งค่า
2. ปัจจัยทางการเมืองไทย: การเมืองในประเทศไทยยังคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน จับตามองประเด็นใหญ่ๆ โดยเฉพาะการจัดตั้งรัฐบาลที่นำด้วยพรรคเพื่อไทย ถ้าหากจัดตั้งรัฐบาลได้มีโอกาสที่เงินบาทอาจจะกลับมาแข็งค่าในระยะสั้น 3. เศรษฐกิจฝั่งเอเชียไม่สู้ดี: เนื่องจากประเทศจีนที่เป็นเหมือนพี่ใหญ่ของเศรษฐกิจภาคเอเชียนั้นมีปัญหาในด้านเศรษฐกิจหนักกว่าที่คาด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ปัญหาการตกงานของเด็กจบใหม่ ทำให้เศรษฐกิจฝั่งเอเชียนั้นไม่ได้ดูดีขนาดนั้น ส่งผลให้ไทยเองที่หวังพึ่งประเทศจีนอยู่เยอะ ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย

Macroeconomics: DXY is coming back

หลังจากตัวเลข CPI ประกาศออกมาให้เห็นว่าตัวเลขเงินเฟ้อนั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ก็ส่งผลให้ตลาดเริ่มมองเห็นโอกาสของการ “คงอัตราดอกเบี้ย” ที่นานขึ้น โดยข้อมูลจาก Fedwatchtool ได้แสดงให้เห็นว่าตลาดมองว่า FED จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนมีนาคม 2024 เลยทีเดียว ดังนั้นการที่คงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานๆนั้นอาจจะเป็นผลกระทบให้กับบริษัทต่างๆในเรื่องภาระสภาพคล่องที่ประคองตัวให้รอดจนกว่าจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย จึงทำให้ตลาดเริ่มเทขายพันธบัตร 2 ปีให้ผลตอบแทนขึ้นไปถึงเกือบที่ 5% และเข้าถือเงินดอลล่าร์แทน จนดันให้ดัชนีดอลล่าร์ขึ้นไปกว่า 103 แสดงให้เห็นแนวโน้มความแข็งค่าของดอลล่าร์และความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอเมริกาที่ยังคงขับเคลื่อนไปได้ และดูดีกว่าประเทศอื่นๆ โดยรวมทำให้นักวิเคราะห์มองว่าตลาดคริปโตฯอาจจะยัง Sideway ต่อไป ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลา DCA ที่ดีก็ได้เพราะเป็นช่วงที่่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วงจุดสูงสุด

สภาวะตลาด DeFi โดยรวม

ภาพรวมตลาดคริปโตฯในช่วงเดือนที่ผ่านมายังอยู่ในช่วง Sideway โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดไม่ไปไหนส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจมหภาคที่ยังถูกกดดันด้วยเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยระดับสูงที่น่าจะคงสถานการณ์แบบนี้ไปสักระยะ รวมถึงตลาดยังขาดปัจจัยบวกภายใน

สำหรับตลาด DeFi ภาพรวม DeFi TVL ลดลงประมาณ 6% เทียบกับเดือนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลตอบแทนการฟาร์ม DeFi นั้นไม่ได้หวือหวา ซึ่งเมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากพันธบัตรระยะสั้นที่เสี่ยงต่ำกว่าแต่ผลตอบแทนพอกันนั่นเอง

โดย TVL บนเชน Arbitrum ลดลงมากที่สุดที่ราว 10% ซึ่งเชน Arbitrum นั้นลดความร้อนแรงลงเล็กน้อยเทียบกับเดือนก่อนๆ เพราะความสนใจของนักลงทุนเบนไปที่เชน Optimism บางส่วนจากการประกาศใช้งาน OP Stack ของหลายๆโปรเจกต์ชั้นนำ นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวของ Layer 2 ใหม่ๆ หลายตัวที่มาดึงเม็ดเงินไป อย่างเช่น Mantle, Linea, Base

ในช่วงเดือนกันยายน DeFi Narrative ที่นักวิเคราะห์มองว่าน่าจะถูกนำกลับมาพูดถึงกันอีกครั้งคือ EIP-4844 จึงน่าจับตามองกลุ่ม Layer 2 พร้อมกับ DApps ตัวหลักๆภายใน Ecosystem ส่วน Narrative อื่นๆที่น่าจับตามอง เช่น Account Abstraction ที่จะเข้ามายกระดับ Crypto wallet ไปอีกขั้นได้

สรุป Timeline ของ Curve Finance จากการถูกแฮ็ค

1. เมื่อหลายเดือนก่อน Michael Egorov (Founder ของ Curve) นำ CRV จำนวน 280 ล้าน $CRV ไปค้ำประกันที่ Aave แล้วกู้ USDT ออกมา 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อบ้านที่ Australia

2. วันที่ 30 กรกฎาคม Curve Pool ถูก Hack จากช่องโหว่ของ Compiler ที่เอาไว้แปลภาษาจาก Python ลง EVM (ไม่ใช่ช่องโหว่จาก Code ของ Curve Finance เอง)

รวมมูลค่าทั้งหมด 47 ล้านดอลลาร์ ประกอบด้วย ETH มูลค่า 44 ล้านดอลลาร์ และ CRV มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์

คนเริ่มเทขาย CRV กันจากความกังวลเรื่องความเสี่ยงในการ Liquidate จาก Founder ที่มีการนำ CRV ไปค้ำประกันบน Aave

TL;DR
วันที่ 30 กรกฏาคมที่ผ่านมา Curve Finance ถูก Hack จากช่องโหว่ คิดเป็นมูลค่ากว่า 47 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนอกจากความกังวลของโอกาสการเทขายเหรียญ CRV ของ Hacker แล้วนั้น ก็ยังมีความกังวลจากโอกาสการ Liquidate จากการที่ Founder นำ CRV ไปค้ำเพื่อกู้ USDT ออกมา 100 ล้านดอลลาร์อีกด้วย

3. จากความกังวลของการถูก Liquidate Position นี้
Founder ของ Curve จึงมาทะยอย Repay Loan บน Aave เรื่อยๆ และมีการทำ OTC Deal ในการขายเหรียญ CRV ในราคา $0.4 (ต่ำกว่าราคา ณ ตอนนั้น 20%)

มีหลากหลายเจ้าที่เข้ามาร่วมในการซื้อครั้งนี้ ตั้งแต่ Justin Sun, DWF Labs, Wintermute และรายอื่นๆอีก 6-8 เจ้า

4. จุดที่คนจับตามองที่สุด ณ ตอนนั้นคือราวๆ $0.38 ซึ่งเป็นจุดในการ Liquidate Position ของ Founder คนนี้

5. Curve Finance พยายามต่อรองกับ Hacker ด้วยการส่ง On Chain Message  

6. ทางฝั่ง Hacker เอง ไม่สนการเจรจาต่อรอง และได้ส่งเงินราวๆ 70% ที่ Hack มาได้ ให้กับ DeFi Protocol ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการถูก Hack

จากการที่ไม่มีการต่อรอง Curve Finance จึงตั้งค่าหัว Hacker ไว้ 1.8 ล้านดอลลาร์ ให้กับคนที่สามารถช่วยระบุหรือชี้ทางไปหา Hacker เพื่อนำเงินที่เหลือคืนให้ได้

7. Binance labs ลงทุน 5 ล้านดอลลาร์ซื้อเหรียญ CRV จาก Curve ในรูปแบบ Strategic deal เพื่อแลกกับกับที่ทีมพัฒนาของ Curve ต้องมาเปิดแพลตฟอร์มบน BSC chain

8. จากเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา ทำให้พวกเราเห็นถึงความร่วมมือและความพยายามช่วยกันกอบกู้ DeFi Protocol ที่สำคัญจากทุกฝ่ายไม่ว่าจะในทางตรงหรือทางอ้อมแม้ว่าในช่วงแรกอาจจะมีความกลัวในการเข้ามาลงทุนในเหรียญ CRV จากช่องโหว่ที่เพิ่งเกิดไปและเรื่องของ hacker ที่ยังไม่จบ แต่การช่วยเหลือจากทุกฝ่ายนี้เป็นสิ่งที่อาจจะทำให้น่าจับตามองเหรียญ CRV ที่ถูกเทลงมาจากความกังวลในช่วงที่ผ่านมา

Worldcoin โปรเจกต์ของ Sam Altman เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

หลายคนอาจไม่ทราบว่า Sam Altman ที่เป็น CEO ของ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT จนเป็นที่โด่งดังนั้นก็มีโปรเจกต์คริปโตที่เขาได้ริเริ่มไว้ตั้งแต่ช่วงปี 2019 ด้วย โดยโปรเจกต์ที่ว่านี้นั้นชื่อว่า “Worldcoin”

Sam Altman และ Alex Bania ผู้เป็น co-founder ของ Worldcoin ต้องการที่จะสร้างเครือข่ายข้อมูลตัวตนของคนทั้งโลกพร้อมโครงสร้างระบบการเงินที่สามารถแจกจ่าย Universal Basic Income (UBI) ให้ทุกคนบนโลกได้อย่างเท่าเทียมในยุคที่ AI กำลังรุ่งเรือง

แต่ในช่วงที่เปิดตัว Worldcoin ในปี 2019-2020 กระแสคริปโตใน Sector อื่นมีน่าสนใจมากกว่าโดยเฉพาะ DeFi, GameFi และ Worldcoin เองก็ไม่มีโทเคนด้วย ทำให้ Worldcoin ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไรนัก

แต่เมื่อ ChatGPT เป็นที่โด่งดัง Sam Altman ก็กลายเป็นคนที่สื่อให้การจับตามองมากขึ้น อีกทั้ง Worldcoin ก็พึ่งระดมทุนได้ 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2023 และที่สำคัญคือการประกาศย้าย Infrastucture ของ Worldcoin ที่จะย้ายมาใช้ OP Stack ของ Optimism (OP) ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวคริปโตอย่างมากเพราะจะส่งผลเชิงบวกให้กับ Optimism

ด้วยเหตุนี้ทำให้ Worldcoin กลายเป็นที่จับตามองในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ และหลังจากนั้นไม่นาน Worldcoin ก็ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งเปิดตัวเหรียญเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2023

แต่อย่างไรก็ดี ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมเพื่อรับ UBI จาก Worldcoin นั้นจำเป็นต้องเข้าไปแสกนหน้าเพื่อเก็บ Biometric ทั้งม่านตาและโครงหน้า ทำให้ Worldcoin ในอีกมุมหนึ่งก็กลายเป็นที่ถกเถียงในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวที่ค่อนข้างเปราะบางเพราะหากข้อมูลของผู้แสกนหลุดไป ก็อาจเป็นจุดจบของการแสกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกบางอย่างหรือการทำธุรกรรมต่างๆ ก็เป็นได้
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://cryptomind.group/research/worldcoin-sam-altman-hopium-or-dystopian/

Base เปิดตัว Mainnet อย่างเป็นทางการ

ในวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัท Coinbase ได้เปิดตัว Base Mainnet, Layer 2 บล็อกเชนของ Ethereum ที่ใช้เทคโนโลยี OP Stack ที่ร่วมกันสร้างกับโปรเจกต์ Optimism โดยออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิ์ภาพในการใช้งานที่ดีกว่าในราคาที่ถูกกว่าให้กับผู้ใช้งาน และได้กล่าวว่าสิ่งนี้ถูกสร้างเพื่อที่จะนำคน “หนึ่งพันล้านคน” เข้ามาสู่โลกคริปโต

Coinbase ได้ทำการซุ่มพัฒนา Base ภายในบริษัทมาเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะเปิดตัว เพื่อให้มั่นใจว่าโปรเจกต์จะสมบูรณ์ที่สุด โดยมุ่งเน้นที่จะให้ Base เป็นมิตรกับทุกคน ที่สามารถให้ใครก็ได้มาสร้าง dApps บนเชนได้อย่างง่ายดาย และทาง Coinbase ตั้งใจจะทำให้ Base มีความ decentralize มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

Base Mainnet
Base ถือว่าเป็นหนึ่งในบล็อกเชน Layer 2 ที่เปิดตัวได้ดี และเติบโตได้เร็วที่สุด เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หลังจากเปิดตัว Base ก็ได้มี Volume การ Bridge เข้ามาในเชนมากกว่า $200m ยอด TVL กว่า $100m และ สามารถเก็บ Fees ได้มากกว่า $2.5m เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

Base ยังมีเงินทุนสนับสนุนให้กับโปรเจกต์ที่มาสร้างบน Base และมีกิจกรรม Base Onchain Summer ให้ผู้ใช้งานได้เข้าร่วม ทำให้ Base Ecosystem ตอนนี้มี dApps ที่มาเปิดให้ใช้งานมากกว่า 100 โปรเจกต์ ผู้ใช้งานต่อวัน 100k คนและ ธุรกรรมต่อวันที่ 500k ธุรกรรม

เปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรระยะสั้นและการฟาร์ม Stablecoin

ผลตอบแทนที่ได้จากพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นสหรัฐ (Treasury Bills) แบบระยะสั้น 3 เดือน ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีสภาพคล่องและผลตอบแทนสูง ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5.28% ส่วนผลตอบแทนจากการฟาร์มหรือปล่อยกู้ Stablecoin บนแพลตฟอร์มต่างๆในช่วงนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในอัตราที่เท่ากัน  อย่างไรก็ตามสำหรับการฟาร์ม Stablecoi,n สามารถเลือกฝากกับแพลตฟอร์มที่มีผลตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยได้ อย่างเช่นในช่วงนี้ Curve, PancakeSwap และ Velodrome ที่ช่วงนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง โดยผลตอบแทนเฉลี่ยระหว่างพันธบัตรเทียบกับการฟาร์ม Stablecoin กลับมาเท่ากันในช่วงนี้ เพราะผลตอบแทนจาก T-Bills เพิ่มต่อเนื่องซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณบ่งชี้ Recession 

โดยผลตอบแทนฟาร์มและปล่อยกู้ Stablecoin ลดลงจากเดือนก่อนๆพอสมควร เป็นเพราะว่าสภาวะตลาด คริปโตและ DeFi ลดความร้อนแรงลงจากการถูกกดดันจากสภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่ยังไม่นิ่ง รวมถึงขาดปัจจัยภายในขับเคลื่อน ทำให้ธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนและราคาเหรียญที่แจกเป็น Incentive ลดลง

เปรียบเทียบผลตอบแทน DeFi Farming บนบล็อกเชนต่างๆ

สภาวะตลาด NFT

สภาวะตลาด NFT ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาพบว่าปริมาณซื้อขาย รวมไปถึงจำนวนผู้ใช้งาน NFT บน  Blockchain ต่างๆ ทั้ง Ethereum, Polygon, Solana มีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งคอลเลคชั่นที่โดดเด่นนำมาด้วยอย่างคอลเลคชั่น Bored Ape Yacht Club และ Cryptopunks ที่มีประมาณการซื้อขายกว่า 20 ล้านดอลลาร์ และ 14 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ โดยภาพรวมสภาวะตลาด NFT ยังถูกเทขายพอสมควร  โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปรเจกต์ Bluechip อย่าง Azuki ที่มียอดการซื้อขายลดลงกว่า 57% ในขณะที่ CryptoPunks มียอดการซื้อขายเพิ่มขึ้นราว 15% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา

โดยการลงทุน NFT ในช่วงนี้ยังควรพิจารณา NFT คอลเลคชั่นที่สามารถยืนราคาได้ในสภาวะตลาดผันผวนอย่าง The Captainz และ Pudgy Penguins ที่สามารถยืนราคาได้อย่างน่าทึ่ง

รูปภาพวาดของ Leonardo da Vinci, Salvator Mundi ถูกขายเป็น NFT

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาทางสำนักข่าว The Art Newspaper ได้ออกข่าวว่ารูปภาย Salvator Mundi ที่ถูกวาดโดย Leonardo da Vinci ที่เคยถูกประมูลขายไปในราคา 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นจะกลับมาถูกขายอีกครั้งบนแพลตฟอร์ม NFT ที่มีชื่อว่า ElmonX

โดยการขายในครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของสามฝั่งคือ ElmonX, Bridgeman Images ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดการดูแลเรื่องลิทสิทธิ์ของรูปภาพ และเจ้าของรูปภาพ Salvator Mundi คือ Mohammad bin Salman ซึ่งเป็นสมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์ดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียและนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย

่ส่วนรายละเอียดการขายอย่างเช่น ราคาและจำนวน NFT นั้นยังไม่ถูกเปิดเผย แต่อย่างไรก็ตามการขาย NFT ในครั้งนี้จะไม่เหมือนการขายแล้วมีสินทรัพย์จริงค้ำ ซึ่งเป็นเหมือนการขายในเชิงให้ผู้ถือได้รับประสบการณ์ในการชื่นชมรูปภาพแบบไฟล์คุณภาพสูงมากกว่าการที่จะได้ลิขสิทธิ์ไปเต็ม ๆ

อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ก็มีการถกเถียงกันอยู่ในทวิตเตอร์ว่าการนำรูปภาพที่ถูกขายไปแล้ว มาขายซ้ำอีกรอบเป็นการกระทำที่สมควรหรือไม่ เพราะก็จริงอยู่ที่การซื้อขายในครั้งนี้คือการขายเพื่อให้ลิขสิทธ์แสดงภาพที่มีความคมชัดของรูปนี้ แต่ถ้าหากรูปนี้ถูกประมูลขายไปอีกรอบแล้วลิขสิทธ์ตรงนี้จะคงอยู่หรือไม่  และมากไปกว่านั้นคือถ้าผู้ซื้อคนใหม่ไปออก NFT ซ้ำอีก ก็อาจจะทำให้มูลค่า NFT นั้นถูกลดมูลค่าโดยตรง ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงของผู้ทีถือ NFT อีกทาง

ดาวน์โหลด
DOWNLOAD FOR FREE!
Watcharawich|Siwakorn Samutthong|Kuljira Ittiamornkul|Sasipong Magassa|Principe|Apinat|Kantapong Wongwaen

บทความที่เกี่ยวข้อง

Monthly Report
Cryptomind Monthly Outlook (June 2024)
Apinat|Watcharawich|Kuljira Ittiamornkul|Kasidit Muankhoksoong|Principe
June 18, 2024
Monthly Report
Technical Analysis $ONDO, $RNDR โดย Cryptomind Advisory (18 Mar 24)
Pongporn Wintakorn
March 18, 2024
Monthly Report
Technical Analysis $PENDLE, $BNB โดย Cryptomind Advisory (22 Apr 24)
Pongporn Wintakorn
April 22, 2024