Macroeconomics

• Bitcoin ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ $22,000 อีกครั้งหลังจาก Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ต่อจากนี้ก็รอติดตามดูสถานการณ์สำคัญอีกทีในช่วงเดือนกันยายนที่จะเป็นช่วงที่ขึ้นดอกเบี้ยครบ 6 เดือนพอดี ซึ่งปกติจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจจะเริ่มรับรู้ว่าเงินเฟ้อจะลดลงตามนโนบาย QT และการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่ ถ้าเงินเฟ้อลดและตัวเลขการจ้างงานออกมาดีด้วย ก็น่าจะเป็นขาขึ้นเต็มตัวได้
• มุมมองปัจจุบันมองว่าตลาดนั้นความฟื้นจากความ Panic แล้ว “อาจจะอยู่ในช่วงที่อาจเริ่ม Accumulate” ซึ่งช่วงแรกตลาด Panic จากตัวเลขเงินเฟ้อต่างๆ สถานการณ์ต่างๆที่ดูแย่ สถานการณ์โดมิโน่ในตลาดคริปโทฯ แต่ปัจจุบันเหมือนพายุสงบแล้ว ซึ่งตีความได้ว่า“ความกลัวในตลาดอาจจะลดลงไปเยอะ” แต่ทว่า เสียงของนักลงทุนถูกแบ่งออกเป็นสองทาง ระหว่าง “เชื่อในคำพูดของ Powell หรือ เชื่อใน Indicator ในตลาด”
• ฝั่งที่เชื่อในลุง Powell ก็จะเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะไม่รุนแรงกว่านี้แล้ว เพราะตลาดแรงงานที่เป็นสิ่งที่ Powell มั่นใจว่าเป็น Indicator สำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ และสามารถพาสหรัฐฯ Soft landing ได้นั้น ก็ยังคงแข็งแรง บวกกับการที่ Powell กล่าวในงานประชุม FOMC ในโทนที่มีความ Hawkish ที่ลดน้อยลง อาจจะแสดงให้เห็นว่า ยาแรงที่ Fed กดใช้ช่วงแรกๆ เริ่มได้ผลแล้วนั่นเอง ทำให้เราตีความได้ว่าตัวเลข CPI 1% ที่ผ่านมา อาจจะเป็นจุด Peak ของเงินเฟ้อแล้วก็ได้ ประเด็นนี้ทำให้นักลงทุนที่เชื่อในลุง เข้าใจว่าสหรัฐฯอาจจะรอดจาก Recession แบบหวุดหวิด หรือ Soft landing ได้

• ถ้ามาดูฝั่งที่เชื่อใน Indicator ของตลาดกันบ้าง มาดูปัจจัยเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เริ่มลดลง อาจจะตีความได้ว่าแรงเก็งกำไรในน้ำมันอาจจะลดลงแล้ว (ราคาต่ำกว่า $100 ต่อบาเรล) ตามกฎของ Demand & Supply แสดงให้เห็นว่าอนาคตคนอาจจะต้องการน้ำมันน้อยลง การบริโภคน้อยลง การผลิตน้อยลง ซึ่งอาจจะทำตีความได้ว่าตลาดได้ Price in ไว้แล้วว่าเราจะได้เจอ Recession แน่นอน บวกกับตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ที่ประกาศออกมาว่าติดลบ เท่ากับว่าในเชิงเทคนิคอลนั้น “เราอยู่ใน recession แล้ว” (ถึงลุงจะไม่ยอมประกาศว่าเข้าก็เถอะ แต่ตัวเลขบอกทั้งหมด) ดังนั้นราคาช่วงนี้อาจจะอยู่ในช่วง Dip แล้วนั่นเอง
• ไม่ว่าจะเชื่อแบบไหนก็ตีความได้ว่าปัจจุบัน นักลงทุนอาจพิจารณาเริ่มทยอยเข้าซื้อได้เลยในช่วงนี้ ปัจจัยหลายอย่างในตลาดคริปโทฯก็เริ่มดีขึ้น ไม่ว่าจะเทรนด์ Defi ที่เริ่มดีขึ้นและจากข่าวที่ไม่สู้ดีของ Cefi พร้อมแผนของการอัพเกรดของ Blockchain ต่างๆ ซึ่ง Cycle ต่อไปอาจจะเริ่มจาก Defi ก่อนเป็นอย่างแรก แล้วค่อยไหลไปที่อื่นๆเหมือนรอบแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด รอบนี้ตลาดอาจะไม่พุ่งแรงแบบรอบแล้วก็ได้ เพราะอาจไม่มีเหล่า VC ที่จะใช้เงินกู้มาดันราคาขึ้นอีกแล้ว ดังนั้นโปรเจ็กต์ไหนจะรอดก็ต้อง Organic จริงๆเท่านั้น ให้ลองทำการบ้านหาโปรเจ็กต์ให้ดี
• อีกประเด็นที่ควรจับตามองคือกรณีของ Mt.gox ซึ่งถ้าทาง Mt.gox ทำการคืน BTC มาให้กับนักลงทุน อาจจะมีการเทขายบางส่วนทำให้ตลาดปรับตัวลงได้เช่นกัน

Alt Coins & DeFi

• Narrative ที่น่าจับตามองสำหรับ Cycle รอบถัดไป คือ The Merge โดยเราสามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายตัว เช่น Layer 2 อย่าง $OP, เหรียญ DeFi บน Layer 2 เช่น $SNX, $VELO หรือจะเป็นเหรียญที่ได้ประโยชน์จากการที่ Ethereum เปลี่ยนเป็น POS เช่น $ETC, $LDO หรือจะเป็นแพลทฟอร์มอย่าง Polygon ที่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษเพราะ Polygon สามารถใช้ Scaling Solution ที่หลากหลายที่เกาะไปได้ทุกกระแส เช่น Optimistic/zk rollups, Sidechains, zk-EVM เป็นต้น
• เหรียญ $OP ถือเป็นอีกเหรียญที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยความน่าสนใจคือ Optimism เป็น Governance แบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ที่มีการคานอำนาจกันระหว่าง Token House กับ Citizen House ทำให้วาฬที่มี $OP เยอะก็ไม่สามารถคุมอำนาจได้ สาเหตุนี้พร้อมกับการที่ TVL ที่ทำ All time high อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเข้ามาเก็งกำไรและเหรียญ $OP ปรับตัวขึ้นดังกล่าว
• เหรียญ $VELO ราคาปรับตัวขึ้นเยอะมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง Velodrome เป็น DeFi Platform ที่อัพเกรดมาจาก Solidly ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่อง Toxic Liquidity ของ DEX โดยเพิ่งได้รับงบจาก Optimism มา 3 ล้าน $OP มาแจกให้คนที่ Lock เหรียญ $VELO นอกจากนี้คนที่ Lock $VELO จะได้รับค่าสินบนและ Trading Fee เพิ่มเติมด้วย อาจเป็นสาเหตุให้เกิดแรงซื้อทำให้ราคาปรับตัวขึ้น
• เหรียญ $LDO ที่ขึ้นมาเยอะมากอาจเป็นเพราะการประกาศ Timeline ของ The Merge (Merge สุดท้ายวันที่ 19 กันยายน) ที่ถ้า Ethereum จะเปลี่ยนเป็น POS แล้ว Platform ที่เป็นผู้นำเรื่อง Liquid Staking อย่าง Lido Finance ก็ย่อมได้ประโยชน์แน่นอน นอกจากนี้ยังมีข่าวเรื่องการเปิดให้บริการ Stake บน Layer 2 อีกด้วย ซึ่งนอกจาก $LDO เราอาจมองหาเหรียญที่ให้บริการ Liquid Staking ตัวอื่นๆที่ Market Cap ต่ำกว่าและความเสี่ยงที่สูงกว่าได้ เช่น เหรียญ $RPO ของแพลทฟอร์ม Rocket Pool เป็นต้น
• $UNI ก็เป็นอีกตัวที่น่าสนใจเพราะมีความเป็นไปได้ที่จะเปิด Fee Switch ที่จะแบ่งรายได้จาก Liquidity Provider มาเข้า Treasury และอาจมีการจ่ายให้ผู้ถือเหรียญในอนาคต

NFT

• Otherside เป็น Metaverse ของ YugaLabs ที่มีความน่าสนใจ โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมามีการเปิดทดสอบให้เจ้าของ Land ไปเข้าร่วม โดยในการทดสอบดังกล่าวมีคนเข้าทดสอบหลักหลายพันคนแต่ก็ไม่มีการ Lag ของระบบเลย ถือว่าทำออกมาได้ดีและใช้เวลาการพัฒนาที่ค่อนข้างรวดเร็ว
• สำหรับภาพรวมของตลาดNFT ที่ถึงแม้ Volume การซื้อขาย NFT ลดลง 70% ซึ่งอาจจะดูเยอะมาก แต่ถ้าดูราคาของโปรเจ็กต์ Top tier อย่าง BAYC, Clone X, Doodle, Azuki จะเห็นว่ายังยืนได้และเมื่อราคาตกก็มีคนมาช้อนซื้อตลอด แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ ทำให้โปรเจ็กต์ NFT เหล่านี้น่าจะกลับมาได้ใน Bull Run อย่างแน่นอน