Stablecoin เป็นหนึ่งใน Sector ที่มีความน่าสนใจในช่วง Bull Run เพราะมีบทบาทสำคัญในการเป็นสะพานเชื่อมต่อระหว่างระบบการเงินแบบดั้งเดิมและโลกของคริปโตฯ นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรม การจัดการความเสี่ยงในตลาดที่มีความผันผวนสูง
จากบทความก่อนหน้านี้ที่ได้พูดถึงโปรเจกต์ Stablecoin อย่าง Ethena ซึ่งมีการเติบโตที่แข็งแกร่งและโดดเด่นในฐานะผู้นำของ Sector นี้ อีกโปรเจกต์ที่น่าจับตามองคือ Anzen ในฐานะ RWA-Backed Stablecoin ซึ่งมีหลักการที่น่าสนใจและศักยภาพที่ไม่ควรมองข้าม แม้จะเปิดตัวมาเพียงประมาณ 6 เดือน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่โดดเด่น โดยปัจจุบัน Market Cap ของเหรียญ USDz มีมูลค่ากว่า 90 ล้านดอลลาร์แล้ว รวมถึงได้กลายเป็น Stablecoin อันดับที่สองที่ใหญ่ที่สุดบน Base
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักกับ Anzen ว่าโปรเจกต์นี้คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร รวมพร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจ พัฒนาการล่าสุดและอนาคตของโปรเจกต์
Anzen ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2018 โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนใน Credit ที่มีประสบการณ์รวมกันมากกว่า 10 ปี โดยทีมงานมีเป้าหมายในการพัฒนากลไกเพื่อนำ Credit Asset สู่ On-chain แบบมีประสิทธิภาพสูงสุด
Anzen ระดมทุนสำเร็จรวมกว่า 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในรอบ Seed ได้รับการสนับสนุนจาก VCs ชั้นนำ เช่น Circle Ventures, Frax, Arca และ Mechanism Capital เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการระดมทุนผ่าน IDO บนแพลตฟอร์ม Fjord Foundry ในช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา
Anzen Finance เป็นโปรเจกต์ Decentralized Stablecoin “USDz” ที่ Back ด้วย Real-world Asset โดย Asset หลักๆที่ใช้ในการ Back คือ US Private Credit Assets ที่ถูก Diversify ไปหลากหลายประเภท โดยทั้งหมดนั้นเป็น Asset-backed Securities (ABS) Structures* ที่ถูกคัดเลือกมาโดยอ้างอิงจากเกณฑ์การประเมินความเสี่ยงมาแล้วเบื้องต้น
ซึ่งข้อดีของการใช้ ABS เป็น Collateral สำหรับ Stablecoin คือการกระจายความเสี่ยงไปถือหลายๆสินทรัพย์ แถมยังช่วยสร้าง Yield ให้กับ Stablecoin โดยที่ Collateral จะสามารถรักษามูลค่าไว้ได้แม้ในช่วงที่ตลาดคริปโตฯ มีความผันผวน นอกจากนี้ ABS ยังมีสภาพคล่องในระดับที่ค่อนข้างสูง จึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสินทรัพย์หลังบ้าน
ข้อดีอีกอย่างก็คือ ABS ทุกประเภทนั้
นมีสินทรัพย์ค้ำประกันอยู่อีกทอดนึง (เช่น MBS มี Backed Asset เป็นสินเชื่อที่อยู่อาศัย ถ้าผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินกู้ได้ ทรัพย์สินที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหลักประกันสามารถถูกขายเพื่อนำมาชดเชยมูลค่าที่สูญเสียไปได้) ทำให้เป็นตัวการันตีว่า USDz นั้นมี Extra Layer of Security ให้กับผู้ถือ USDz ได้ในกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้
Asset-backed Securities (ABS) Structures ที่ Anzen ใช้ประกอบด้วย Institutional Blended Note, SMB Financing, Litigation Finance ซึ่งแต่ละตัวมีรายละเอียดดังนี้
โดยการคัดเลือก Collateral ของ Anzen ได้มีการกำหนดสัดส่วนของสินทรัพย์แต่ละประเภทให้มีการกระจายความเสี่ยงตามเกณฑ์ที่กำหนดของโปรเจกต์ นอกจากนี้ Asset ที่จะเข้ามาเป็น Collateral จะต้องผ่านการคัดเลือกจาก Anzen’s Credit Committee โดย Private Credit ทั้งหมดนั้นอยู่ใน U.S. Market ทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องความไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยและปัจจัยภายในในแต่ละประเทศ
*Asset-Back Securities เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีมูลค่ามาจาก Pool ของ Underlying Asset ซึ่ง Asset เหล่านี้อาจครอบคลุมตั้งแต่สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ ลูกหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อนักศึกษา และอื่น ๆ โดยทั่วไปสินทรัพย์เหล่านี้จะสร้างกระแสเงินสดในรูปแบบของการชำระคืนหนี้ กระแสเงินสดที่เกิดจาก Underlying Asset เหล่านี้จะเป็นแหล่งสำหรับผลตอบแทนที่เกิดขึ้น
โดยถ้าเทียบ Market Cap ของ USDz นั้นอยู่ที่ 96.38 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูลวันที่ 16 มกราคม 2025) ซึ่งมี Backed Asset ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 97.3 ล้านดอลลาร์ จะเห็นได้ว่า USDz นั้นจะมีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มากกว่า Market Cap ของ USDz เสมอ (Overcollaterized) จาก Yield ที่ได้รับจาก Backed Asset
Backed Asset ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ Cash & Short-term Equivalents และ Private Credit
ตั้งแต่เปิดตัว เหรียญ USDz ได้เจอกับการปรับฐานของตลาดหลายครั้ง โดยเกิดเหตุการณ์ Depeg อยู่ 2-3 ครั้ง ซึ่งช่วงที่มีการ Depeg มากที่สุดเกิดขึ้นใน 2 ช่วงหลัก เช่น
ทั้งสองครั้งเป็นผลมาจากความผันผวนของตลาด แต่ USDz สามารถกลับมา Repeg ได้อย่างรวดเร็วภายใน 1-2 วัน ซึ่งถือว่าเป็นการ Depeg ในระดับที่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับ Stablecoin หลักอื่นๆ เช่น USDC หรือ USDe พบว่า USDz ยังมีความเสถียรด้านราคาที่ไม่นิ่งเท่า แม้โดยรวมจะยังคงมีความเสถียรในระดับที่น่าพอใจ
ซึ่งคาดว่าทางโปรเจกต์น่าจะทราบถึงจุดบกพร่องข้อนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากในเดือนมกราคม 2025 ได้มีการประกาศเปิดตัว USDz OTC Market ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพด้านราคาให้กับ USDz ได้ (รายละเอียดเพิ่มเติมจะอธิบายในพาร์ทถัดไป)
เมื่อทำการ Stake USDz จะได้รับเป็น sUSDz โดยปัจจุบันได้รับ RWA Yield เฉลี่ย 12.9% ต่อปี (ได้ Yield เป็น USDz) และมีระยะเวลาการถอน Cooldown Period 7 วัน และสามารถ Stake USDz ได้บน Ethereum Mainnet เท่านั้น
นอกจากนี้ ผู้ใช้งานสามารถนำ USDz ไป Stake บน Superform บนเชนอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม Gas บน Mainnet ก็ได้ อย่างไรก็ตาม การ Stake ผ่านแพลตฟอร์มอื่นๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงจาก Third Party เข้ามา
Anzen มีฟีเจอร์ Vault ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานรับ Fixed Yield ผ่านการล็อก USDz ตามระยะเวลาที่กำหนด ได้แก่ 90 วัน (8% ต่อปี), 180 วัน (10% ต่อปี) และ 360 วัน (12% ต่อปี) โดยมีแนวคิดคล้ายกับการซื้อ PT บน Pendle ซึ่งเป็นการซื้อ USDz ในราคา Discount และจะได้รับเงินต้นพร้อมผลตอบแทน (Yield) เต็มจำนวนในวันครบกำหนด
USDz ที่ล็อกไว้จะถูกแปลงเป็น NFT ซึ่งสามารถ Transferable ได้ อย่างไรก็ตาม หากต้องการถอน USDz ก่อนครบกำหนด จะต้องเสียค่าธรรมเนียมการถอนก่อนกำหนด (Penalty Fees) ในอัตรา 0.2-20%
เหรียญ ANZ เป็นเหรียญประจำแพลตฟอร์ม Anzen ที่ทำหน้าที่ทั้ง Utility Token และ Governance Token ปัจจุบันสามารถใช้งานได้บนเชน Base เท่านั้น
โดย Anzen เพิ่งเปิดตัว ANZ Staking ในวันที่ 22 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา โดยใช้โมเดล vote-escrowed (ve) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากโมเดลของ Curve และ Pendle เมื่อผู้ใช้งานล็อก ANZ บนแพลตฟอร์ม Anzen จะได้รับ veANZ
veANZ มี Use Case ดังนี้
ปัจจุบันมีการขยายการรองรับบนบล็อกเชนถึง 5 เชนด้วยกัน เช่น Ethereum Mainnet, Arbitrum, Base, Manta Pacific และ Blast อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายไปยังเชนต่าง ๆ แต่ Base ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงที่สุด โดยมีสัดส่วนมากกว่า 80% (ในอนาคตอันใกล้นี้จะเปิดตัวบน Berachain และ Plume Network)
ผู้ใช้งานสามารถ Bridge USDz & sUDSz ระหว่างเชนต่างๆได้ผ่าน Official Bridge ของ Anzen ที่ใช้เทคโนโลยีหลังบ้านของ LayerZero
นอกจากนี้ Anzen ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์ม DeFi แล้ว มากกว่า 35 แห่ง ที่มีทั้งแพลตฟอร์ม Lending, DEX, Yield Aggregator, Perp DEX และอื่นๆ เช่น UniSwap, Curve, Aerodrome, GMX เป็นต้น
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ทาง Anzen ได้เปิดตัว Decentralized USDz OTC Market บน Base และ Ethereum Mainnet ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขาย USDz ได้แบบ Zero Slippage และ Zero Protocol Fees
จุดประสงค์หลักของการเปิดตัว USDz OTC Market คือการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานหรือบุคคลทั่วไปสามารถทำ Arbitrage เหรียญ USDz และมีโอกาสในการทำกำไรจาก Market Making ได้ ซึ่งช่วยเสริมเสถียรภาพของราคา USDz ให้มากขึ้นด้วย
โดยก่อนหน้านี้ การทำ Market Making สำหรับเหรียญ USDz ส่วนใหญ่ดำเนินการโดย Institution ที่ผ่านกระบวนการ KYC (ที่มีการถือ RWA Collateral) จึงจะสามารถซื้อ USDz ในปริมาณมากเพื่อสนับสนุนความเสถียรของราคา Peg ได้
และระบบของ USDz OTC Market จะทำการจัดคิวในการซื้อขายออกสองประเภทคือ
แน่นอนว่าถ้า RWA Stablecoin ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง Anzen ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากเป็นหนึ่งในไม่กี่ Stablecoin ที่มีการใช้ RWA เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันโดยตรง อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่ Stablecoin ตัวอื่นที่มีแนวทางคล้ายคลึงกัน อาจสามารถดึงความสนใจได้มากกว่า เช่น Ethena, Ondo เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านอื่น ๆ เช่น
Anzen Finance โดดเด่นในฐานะหนึ่งในไม่กี่โปรเจกต์ที่ใช้ Real-World Asset (RWA) โดยตรงเป็น Collateral สำหรับ Stablecoin USDz โดยหนึ่งในความน่าสนใจคือตลาดของ Private Credit มีขนาดใหญ่มากถึง 8 พันล้านดอลลาร์ ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตสูง
นอกจากนี้ ถ้าเทียบขนาด Market Cap กับโปรเจกต์อื่น เช่น Ethena, Ondo จะเห็นว่า Anzen ยังมีขนาดเล็กอยู่ ซึ่งทำให้มีโอกาสเติบโตได้อีก โดยเฉพาะถ้ามีการเติบโตของ Base season ในอนาคต นอกจากนี้ ตลาด Stablecoin ถือเป็นหนึ่งใน Sector ที่มักได้รับ Attention และเติบโตในทุกๆ Cycle ทำให้มีโอกาสที่ Anzen จะได้รับประโยชน์ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงที่ต้องระวัง เช่น การที่อาจมี Stablecoin อื่นๆ ที่ดึงดูดความสนใจได้มากกว่า รวมถึงความเสี่ยงด้าน Technical & Smart Contract อื่นๆที่อาจเกิดขึ้น