Infrastructure
Arbitrum 2025 กับอัปเดตพัฒนาการล่าสุดที่ต้องรู้

1. บทนำ

ก่อนหน้านี้ใน Layer 2 Report (Publish ไปในปี 2023) เราได้พูดถึง Arbitrum ไปแล้ว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโซลูชัน Ethereum Layer 2 ที่สำคัญ โดยใช้ Optimistic Rollups เพื่อช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและลดค่าธรรมเนียม โดยยังคงรักษาความปลอดภัยจาก Ethereum Mainnet รวมถึงได้กล่าวถึงการระดมทุนของ Offchain Labs ที่พัฒนา Arbitrum ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Pantera Capital, Lightspeed Venture Partners และ VCs ชื่อดังอื่นๆอีกมาก

Arbitrum (ARB) เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ Arbitrum One ซึ่งเป็น Layer-2 rollup ที่กลายเป็นหนึ่งในบล็อกเชนที่มีประสิทธิภาพและมีการใช้งานสูงที่สุดในวงการคริปโต แต่ในปัจจุบัน Arbitrum ได้พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มที่ครอบคลุมและมีหลาย Product ซึ่งประกอบด้วยสอง Product หลักที่ทำงานเกี่ยวข้องกันและตอบสนองตลาดที่แตกต่างกันคือ Arbitrum One และ Arbitrum Orbit

  1. Arbitrum One:
    • เป็น L2 rollup หลักที่มีฟังก์ชันการทำงานที่รองรับ Ethereum โดยเป็น EVM-Compatible
    • ข้อมูลสำคัญ ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2025:
      • TVL (USD): 3,640 ล้านดอลลาร์
      • Stablecoin Supply (USD): 3,964 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงเป็นอันดับที่สองในบรรดา L2 ทั้งหมด

  2. Arbitrum Orbit:
    • เป็น Network ที่ขับเคลื่อนด้วย Arbitrum Nitro framework ช่วยให้โปรเจกต์ต่างๆ สามารถสร้างเชน L2 หรือ L3 ที่ Customize ได้ด้วยโครงสร้างเดียวกันกับ Arbitrum One
    • โปรเจกต์ที่มาสร้างบน Arbitrum Orbit เรียกว่า “Arbitrum Chains” ซึ่งแต่ละโปรเจกต์จะสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะและยังคงสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Arbitrum Orbit ได้

กลยุทธ์ Dual-product นี้ทำให้ Arbitrum สามารถสร้างมูลค่าได้ทั้งจาก Shared Infrastructure และการ Custom ต่างๆ ช่วยให้ Arbitrum เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับการใช้งานต่างๆ ได้มากมาย เพื่อการเป็น Infrastructure ที่สมบูรณ์ตามวิสัยทัศน์ “Arbitrum Everywhere”

Arbitrum เป็นหนึ่งในบล็อคเชนที่มีการพัฒนารวดเร็วมาก โดยในบทถัดไป เราจะไปพูดถึงการอัปเดทด้านเทคโนโลยีและ Ecosystem ในช่วงตั้งแต่ปี 2021-2025 รวมถึงแผนการพัฒนาที่ทางโปรเจกต์กำลังทำอยู่

2. การพัฒนาในอดีตปี 2021-2023 ของ Arbitrum

  • เปิดตัว Arbitrum One: Arbitrum One Mainnet เปิดตัวใน สิงหาคม 2021 ซึ่งเริ่มรองรับ Ethereum DApps โดยไม่จำเป็นต้องมี Whitelist ในการ Deploy DApps ทำให้ Arbitrum สามารถดึงดูด Project จาก Ethereum ได้จำนวนมาก 
  • Arbitrum Odyssey: คือกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย Arbitrum เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานและนักพัฒนาเข้ามาทดลองใช้งาน Layer 2 ของ Ethereum ผ่านการแจก Airdrop และ Incentive
  • ปัญหาการใช้งาน: หลังจากที่ Arbitrum ประสบความสำเร็จในช่วงแรก ค่าธรรมเนียม และการรองรับธุรกรรมเริ่มสูงขึ้นจนทำให้ Arbitrum Odyssey ต้องหยุดชั่วคราว เพื่ออัปเกรดระบบไปยัง Nitro เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
  • Arbitrum Nova: ใน สิงหาคม 2022 ได้เปิดตัว Arbitrum Nova เพื่อรองรับกลุ่ม Social และ Gaming โดยมี Reddit เป็น Partner สำคัญในการใช้ Anytrust Technology สำหรับ Off-chain Data Storage ที่ช่วยลดภาระในการจัดเก็บข้อมูลบน Ethereum Mainnet โดยไม่กระทบกับประสิทธิภาพ
  • อัปเกรด Nitro: ในไตรมาสสาม ปี 2022 Arbitrum One ได้รับการอัปเกรด Tech Stack เป็น Nitro Stack ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมและลดค่าธรรมเนียมลงได้ถึง 3-5 เท่า จากการใช้ Nitro ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาขึ้นใหม่ นอกจากนี้ยังเน้นความสามารถในการปรับแต่งพารามิเตอร์ต่างๆได้ เช่น Custom Gas Tokens (ให้ Arbitrum Chains ใช้ ERC-20 token ไหนก็ได้ ในการจ่ายค่า TX), AnyTrust Protocol (มี Data Availability ของ Arbitrum เองเป็นทางเลือกได้)ม Layer-3 (ให้สามารถเปิดเชนเองได้เป็น L3s ที่ Roll up ไปยัง L2 เช่น Arbitrum One)
  • ArbitrumDAO: Arbitrum ได้มีการปรับเปลี่ยนระบบ Governance ในเดือนมีนาคม 2023 โดยการสร้าง ArbitrumDAO ซึ่งเปลี่ยน Arbitrum จากการที่มีบริษัท Offchain Labs เดียวที่ควบคุมไปสู่การปกครองโดยผู้ถือเหรียญ ARB 
  • Arbitrum Orbit: ในเดือนตุลาคม ปี 2023 Arbitrum ได้เปิดตัว Orbit เพื่อช่วยให้ Developer สามารถสร้าง Layer 3 ของตัวเองบน Arbitrum โดยให้ความสามารถในการปรับแต่งบล็อกเชนสำหรับกรณีการใช้งานแบบต่างๆ (Customizable Chains) รวมถึงรองรับการทำงานข้ามเชน (Interoperability)

ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาเก่าๆของ Arbitrum สามารถอ่าน เต็มๆ ได้ใน Layer 2 Report 

ในบทความนี้ เราจะเน้นไปที่การทบทวนพัฒนาการและความสำคัญของ Arbitrum รวมถึงอัปเดตที่เกิดขึ้นในปี 2024-2025 ที่ส่งผลต่อการขยายขีดความสามารถและการใช้งานของ Layer 2 Solutions บน Ethereum

3. พัฒนาการ และ Roadmap ของ Arbitrum ในปี 2024-2025 เน้นการ Scaling และ Decentralization

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา Arbitrum ได้ประกาศ Roadmap สำหรับปี 2025 ซึ่งเน้นไปที่การ ขยายขีดความสามารถในการรองรับจำนวนธุรกรรม (Scaling) และ กระจายศูนย์ (Decentralization) โดยมีเป้าหมายสำคัญในการดึงดูด Developer และเพิ่มการนำ Layer 2 มาใช้ได้อย่างกว้างขวางขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมความแข็งแกร่งของ Ethereum Ecosystem รวมถึงเน้นการสร้าง Infrastructure ที่ยั่งยืน และเปิดกว้าง ที่สามารถรองรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งเป็นเหมือนการออกแบบระบบการขนส่งใหม่ที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้มากขึ้นทั่วโลก

ภาพรวมประเด็นสำคัญจาก Roadmap 2024-2025:

การเพิ่มการ Scaling ของ Arbitrum ไม่ได้แค่เกี่ยวกับการ เพิ่มความเร็ว, เพิ่มปริมาณการทำธุรกรรม หรือ ลดค่าใช้จ่ายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเน้นการสร้าง Infrastructure ที่ยั่งยืน และเปิดกว้าง ที่สามารถรองรับการเติบโตในระยะยาว ซึ่งเป็นเหมือนการออกแบบระบบการขนส่งใหม่ที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้มากขึ้นทั่วโลก

3 Pillars ในการขยายขีดความสามารถ

  1. Performance:
    • เป้าหมายระยะยาวคือการเพิ่ม Throughput ของ Arbitrum ถึง 100 เท่า ซึ่งจะช่วยให้แอปพลิเคชันที่ใช้ Arbitrum รองรับปริมาณธุรกรรมที่ใหญ่ขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  2. Unification:
    • การทำให้การใช้งานข้าม Chain ต่างๆ เช่น Arbitrum One, Nova, หรือแม้แต่บล็อคเชนอื่น ๆ ทำได้รวดเร็ว และเข้าใจได้ง่าย โดยตั้งเป้าที่จะทำให้การใช้งานระหว่าง Ecosystems ต่าง ๆ ไหลลื่น 
  3. Decentralization
    • Arbitrum วางแผนที่จะเพิ่มจำนวน Validator Set และลดการพึ่งพา Sequencer ของ Arbitrum
    • Arbitrum เน้นที่จะให้ผู้สร้าง DApps และนักพัฒนาสามารถปรับใช้ Arbitrum ได้ตามความต้องการได้เอง โดยสามารถตั้งค่าให้สอดคล้องระหว่างค่าใช้จ่าย และ ประสิทธิภาพได้ 

ฟีเจอร์ด้าน Technical ใหม่ๆ ในปี 2024-2025 และการพัฒนาเพื่อการ Scaling และ Interoperability 

  • Stylus (Q3 2024): Virtual Machine ใหม่ที่ทำงานคู่กับ EVM รองรับ Programming Language ที่นอกเหนือจาก Ethereum Virtual Machine (EVM) เช่น Rust, C/C++, Zig, Bf ความพิเศษคือสามารถทำงาน Interact ร่วมกับ EVM ได้
ขอบคุณภาพจาก Arbitrum

  • Fast Withdrawals (Q4 2024): Fast Withdrawals จะช่วยให้ AnyTrust และ Orbit chains สามารถถอน และยืนยันธุรกรรม ได้ภายในไม่กี่นาที โดยไม่ต้องรอ Confirmation delay ซึ่งจะช่วยให้ L2s และ L3s สามารถ สื่อสารข้ามกันได้เร็วขึ้น

ขอบคุณภาพจาก Arbitrum

  • BoLD (Q1 2025): การพัฒนา BoLD (Better Optimistic Layer Dispute) จะช่วยเพิ่มความ ปลอดภัย และทำให้ Arbitrum ก้าวสู่การเป็น Stage 2 rollup ซึ่งจะช่วยเสริมความ Decentralization โดยลดการพึ่งพาจากกลุ่มของ Validator บางกลุ่ม
ขอบคุณภาพจาก Arbitrum

  • Censorship Timeout (Q1 2025): Censorship Timeout จะช่วยปกป้อง Arbitrum chain จาก Sequencer ที่ทำการเซ็นเซอร์หรือออฟไลน์บ่อยครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากการ Attack หรือผู้ไม่หวังดี 
  • ZK+Optimistic Hybrid Proving (2025): การใช้ Zero-knowledge proofs (ZK) ใน Arbitrum จะช่วยเร่งการยืนยันธุรกรรม โดยสามารถยืนยันธุรกรรมได้ทันที ทำให้การยืนยันบน Parent chain รวดเร็วขึ้น ถ้าไม่สามารถใช้ ZK proofs ได้ ก็ยังสามารถใช้ Optimistic proving ได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานและนักพัฒนาบน Arbitrum สามารถเข้าถึงการทำงานข้ามระบบได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น
  • Timeboost (Q1 2025): Arbitrum Timeboost เป็นการจัดลำดับธุรกรรม (Transaction ordering) ที่ช่วยให้เครือข่ายสามารถเก็บ MEV และลด Spam ในระบบ 
  • Alternative clients (2025): ตอนนี้เดิมที Arbitrum ใช้งานบน Nitro ซึ่งสร้างขึ้นบน Geth ซึ่งเป็น Ethereum client ที่ได้รับการทดสอบและเชื่อถือได้จากการใช้งานจริงมานาน แต่ตอนนี้ Ecosystem พร้อมที่จะขยายไปสู่ความหลากหลายมากขึ้น จึงมีแผนจะใช้ Alternative clients ที่จะช่วยเพิ่ม Fault tolerance, ปรับแต่ง Rollup environments, และเพิ่มความ Decentralization ของระบบ
  • Dynamic Pricing (2025): การใช้ Dynamic pricing จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยการตั้งราคาของ Resource ต่างๆตามการใช้งานจริง ช่วยลดความแออัดและปรับค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับการใช้จริง ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วง Research และขออนุมัติจาก Arbitrum DAO
  • Decentralized Sequencer (2025): การกระจายการทำงานของ Sequencer เป็นขั้นตอนสุดท้ายในแผนการ Decentralization ของ Arbitrum ซึ่งจะทำให้การจัดเรียงธุรกรรมไม่พึ่งพากลุ่มบุคคลใดคนหนึ่ง ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับระบบ
  • Chain Clusters (2025): Chain Clusters จะช่วยให้ Orbit chains หลายๆ อันสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น โดยลดเวลาในการสื่อสารข้าม Chain จากหลายๆ นาทีให้เร็วแบบ Instant
  • Universal Intent Engine (2025): เพิ่ม Interoperabilty ภายใน Arbitrum Orbit เช่น การรองรับ Cross-chain Swap/Transfer ภายใน 3 วินาที

Arbitrum และเป้าหมายการสร้าง Digital Sovereign Nation

ขอบคุณภาพจาก Messari

Digital Sovereign Nation ของ Arbitrum จะเป็น Economy รูปแบบใหม่ที่เน้น Economic Flywheel ซึ่งจะถูกผลักดันและพัฒนาโดย ArbitrumDAO โดยจะนำ Revenue (จาก Transaction Fee และ Timeboost Auction) ที่ได้จากทั้ง Arbitrum One และ Arbitrum Orbit

ขอบคุณภาพจาก Dune

ยกตัวอย่างหนึ่ง Revenue ที่โดดเด่นจาก Timeboost ที่ได้สร้าง Cumulative fee ไปแล้วประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่เริ่มใช้งานในเดือนเมษายน 2025 และกลายเป็นส่วนแบ่งรายได้ที่เป็นนัยสำคัญสำหรับ Arbitrum DAO

ขอบคุณภาพจาก Arbitrum

ArbitrumDAO จะทำหน้าที่จัดการรายได้เหล่านี้และนำไปลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น DRIP (DeFi Renaissance Incentive Program) ที่มีเป้าหมายผลักดันการเติบโตของ DeFi บน Arbitrum ผ่านการแจก Incentive ในรูปแบบเหรียญ ARB รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่สนับสนุนการเติบโตของการใช้งานบน Arbitrum เช่น Short-Term Incentive Program (STIP) ที่เริ่มในเดือนตุลาคม 2023 และ Arbitrum DAO Grant Program Season 3 ที่เปิดรับสมัครไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2025

เป้าหมายหลักคือการสร้างการเติบโตที่ส่งมูลค่ากลับไปยัง Stakeholders และขยายฐานผู้ใช้งานบน Arbitrum อย่างยั่งยืน

4. Arbitrum Ecosystem: การขยายตัวของ Arbitrum One และ Arbitrum Orbit

Arbitrum One

ขอบคุณภาพจาก DeFillama

Arbitrum One หรือ Arbitrum L2 ที่เรารู้จักกัน มีจุดเด่นจากการเน้นที่ DeFi โดยถือเป็น Network ที่มี Liquidity สูงสุดใน Arbitrum Orbit โดยมี DeFi TVL อยู่ที่ 3,640 ล้านดอลลาร์ ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2025 โดย Arbitrum One มี DeFi TVL สูงสุดอันดับที่สองเมื่อเทียบกับ Layer 2 ทั้้งหมด (เป็นรองจาก Base) โดยนอกจากแพลตฟอร์มหลักๆ อย่างเช่น UniSwap, Aave, GMX ที่ครอง TVL กว่า 60% แล้วมีแพลตฟอร์มใหม่ๆที่น่าจับตา เช่น 

  • Fluid: เป็นแพลตฟอร์ม Lending ที่สามารถนำ Asset ที่ฝากไปใช้กับ DEX ของตัวเองได้ 
  • Ostium: แพลตฟอร์ม Perp Trading สำหรับ RWAs
  • Spiko: เป็นแพลตฟอร์มรับฝากเงินสดที่เน้นการให้ผลตอบแทนรายวัน โดยการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้น (Treasury Bills) ของสหรัฐอเมริกาและยุโรป

Arbitrum Orbit

Arbitrum Orbit ได้เปืดตัวไปในเดือนตุลาคม 2023 ซึ่งเป็นการทำให้ใครก็สามารถเปิด Arbitrum Chain ของตัวเองได้ โดยผู้ให้บริการ Rollup-as-a-Service (RaaS) ต่างๆอย่างเช่น Caldera, Gelato, Conduit, Alchemy และ AltLayer เป็นตัวช่วยทำให้การสร้างเชนทำได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันบน Arbitrum Orbit มี 34 Arbitrum Chains สร้างอยู่ ครอบคลุมทั้ง DeFi, RWA, เกม, NFT, AI, DePIN และอื่น ๆ  อย่างเช่น Arbitrum One, ApeChain, Plume Network, Corn, Kinto เป็นต้น โดย Arbitrum Chains สามารถทำงานเป็น L2s ที่ Settle บน L1 Ethereum L1 หรือ L3s ที่ Settle บน L2 เช่น Arbitrum One 

ขอบคุณภาพจาก portal.arbitrum.io (ข้อมูลวันที่ 12 สิงหาคม 2025)

Arbitrum Orbit กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมแล้ว Arbitrum Orbit มีผู้ใช้งานนับจาก Wallet Address รวมกว่า 76 ล้าน และมูลค่า TVL รวมกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังมีการประกาศพาร์ทเนอร์ล่าสุดจาก Ethena และ Robinhood อีกด้วย (จะพูดถึงรายละเอียดในพาร์ทถัดไป)

Arbitrum Chains ใหม่ที่เปิดตัวในปี 2025:

  • Superposition: เปิดตัวเดือนมกราคม 2025 โดยวางแผนสร้าง Central Limit Order Book (CLOB)
  • Edu Chain: เปิดตัวเดือนมกราคม 2025 โดยเป็น L3 ที่เน้นการเชื่อมโยงนักเรียนและครูทั่วโลก

Arbitrum Chains ที่ประกาศแล้วแต่ยังไม่เปิดบน mainnet เช่น:

  • AnimeChain: พัฒนาโดย Azuki เป็น ที่เน้นด้าน Anime ครอบคลุมด้าน Fandom, สิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา (IP), และของสะสม
  • Huddle01: เป็น L3 สำหรับการสื่อสารแบบเรียลไทม์ผ่าน DePIN 
  • CapX: เป็น L2 สำหรับ สร้าง, Deploy และสร้างรายได้จาก AI agents 

โปรเจกต์และ Partnership ชื่อดังที่น่าสนใจ

  • BlackRock: กองทุน USD Institutional Digital Liquidity Fund (BUIDL) ซึ่งเป็นกองทุน TOkenized Dollar Money Market ที่พัฒนาโดย BlackRock เปิดตัวบน Arbitrum One ในเดือนพฤศจิกายน 2024
  • Franklin Templeton: กองทุน OnChain US Government Money Fund (FOBXX) ลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลสหรัฐ เงินสด และข้อตกลงซื้อขายคืน (Repo) กองทุนนี้ถูก Tokenize บน Arbitrum One ในชื่อ BENJI 
  • WisdomTree: WisdomTree Connect เปิดตัวบน Arbitrum One ในเดือนเมษายน 2025 ให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึง Tokenized Fund ทั้งหมด 13 กองทุน ครอบคลุมตลาดเงิน หุ้น พันธบัตร และกลยุทธ์การจัดสรรสินทรัพย์ 
  • Ondo Finance: USDY ซึ่งเป็น Yield-bearing stablecoin บริหารโดย Ondo Finance ถูกนำไปใช้งานบน Arbitrum One โดยมีสินทรัพย์สำรองเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและเงินฝากธนาคาร 
  • OpenEden: OpenEden ให้บริการ Tokenize พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐผ่าน TBILL บน Arbitrum One
  • Hyperliquid: แพลตฟอร์ม L1 ที่เน้น Perp Trading ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ใช้ Arbitrum One เป็น USDC Bridge 

  • Robinhood: ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 Robinhood ได้เปืดใช้งาน Swap Feature ของ Arbitrum One ใน Self-custody wallet ของผู้ใช้งาน ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง DeFi ของ Arbitrum One ได้โดยตรง นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายน 2025 ทาง Robinhood ประกาศเปิดตัว Stock Tokens บน Arbitrum One และมียังมีแผนสร้าง Robinhood Chain ในอนาคต 

  • Ethena: Ethena Labs ร่วมมือกับ Arbitrum และ Securitize เพื่อเปิดตัว Converge บน Arbitrum Chain ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม DeFi/financial infrastructure โดยการเป็น Settlement Layer ที่เน้นให้สถาบัน TradFi สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบ On-chain ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย สามารถใช้ Custom gas tokens เช่น USDe และ USDtb

5. Arbitrum DAO

ขอบคุณภาพจาก Dune (ข้อมูลวันที่ 1 สิงหาคม 2025)

ดังที่เกริ่นไปในบทก่อนหน้า ทรัพย์สินใน Treasury จะถูกนำไปลงทุนพัฒนา Ecosystem เช่น DRIP, STIP, และ LTIP เพื่อสร้างรายได้ใหม่ร่วมกับรายได้หลักจากโปรโตคอล ผู้ถือ ARB สามารถมีส่วนร่วมในการโหวตตัดสินเรื่องต่างๆ ผ่านทั้ง Offchain ผ่าน Snapshot และ Onchain ผ่าน Tally ได้ โดยที่ผ่านมา Arbitrum DAO ก็สามารถสร้างรายได้ที่เป็นแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ Arbitrum ยังมี Security Council จำนวน 12 คน โดยครึ่งหนึ่งจะถูกคัดเลือกโดย DAO ทุก 6 เดือนเพื่อดูแลความเสี่ยงทางเทคนิคและตัดสินใจเรื่องฉุกเฉิน โดยต้องมีเสียงเห็นชอบ 9 ใน 12 คน

Arbitrum DAO Treasury

ขอบคุณภาพจาก Dune (ข้อมูลวันที่ 11 สิงหาคม 2025)

Treasury ของ Arbitrum DAO ส่วนใหญ่ประกอบด้วย ARB โดยมีมูลค่า ARB อยู่ที่ประมาณ 1,459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีความพยายามที่จะกระจายสินทรัพย์ใน Treasury ให้หลากหลายมากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจาก RWA และ DeFi มูลค่ารวมของสินทรัพย์ใน ArbitrumDAO Treasury ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2025 อยู่ที่ประมาณ 1,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งสัดส่วนหลักโดยประมาณดังนี้: ARB 93%, ETH 4%, RWA 2% และ USDC 1%

Stable Treasury Endowment Program (STEP)

ตัวอย่างสำคัญของการกระจายการถือ Asset และการสร้างรายได้เพิ่มของ Arbitrum DAO คือการก่อตั้ง Stable Treasury Endowment Program (STEP) ในเดือนธันวาคม 2023 โดยมีจุดประสงค์การสร้างรายได้จาก Yield-generating RWAs 

โดยในเดือนเมษายน 2024 ได้มีการแลก35 ล้าน ARB จำนวน 35 ล้านเหรียญเป็น RWA หลังผ่านการโหวต ประกอบด้วย BUIDL ของ Securitize ($9.6M), USDY ของ Ondo ($5.2M), USTB ของ Superstate ($5.2M), USDM ของ Mountain ($3.5M), TBILL ของ OpenEden ($3.5M) และ bIB01 ของ Backed Finance ($3.5M)

นอกจากนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ยังได้รับอนุมัติแลก ARB จำนวนอีก 35 ล้านเหรียญเป็น RWA ได้แก่ WTGXX ของ WisdomTree, USTBL ของ Spiko และ BENJI ของ Franklin Templeton

ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2025 สินทรัพย์ RWA ของ ArbitrumDAO Treasury มีมูลค่ารวมประมาณ 31.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เริ่มต้น STEP สร้างรายได้ดอกเบี้ยรวม (USD) ประมาณ 870,000 ดอลลาร์สหรัฐ

Arbitrum Gaming Ventures (AGV)

อีกหนึ่งตัวอย่างการลงทุนของ Arbitrum DAO ที่น่าสนใจคือ Arbitrum Gaming Ventures (AGV) ที่ได้เปิดตัวไปในเดือนมิถุนายน 2024 โดยเป็นการจัดสรร ARB สูงสุด 200 ล้านเพื่อสนับสนุนโปรเจกต์ด้าน Gaming ตัวอย่างโปรเจกต์ที่ได้รับเงินสนับสนุน เช่น Wildcard, Hyve Labs, T-Rex, Xai, และ Proof of Play เป็นต้น ยังไม่รวมโปรเจกต์ที่อยู่ในแผนการลงทุนเพิ่มในอนาคตอีกหลายสิบโปรเจกต์

6. สรุปมุมมองด้านจุดแข็ง ความเสี่ยง และโอกาสของ Arbitrum

จุดแข็งและโอกาส

Arbitrum ในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียง L2 ที่เน้นความเร็วและค่าธรรมเนียมต่ำ แต่กำลังพัฒนาเป็น ศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Hub) ของ Ethereum ที่มีจุดเด่นหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นฐานผู้ใช้งานที่แข็งแกร่งอันดับต้นๆของ Layer 2 รวมถึงการพัฒนาด้าน Product อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ Dual Product (Arbitrum One และ Arbitrum Orbit) ช่วยให้กิน Market ได้ทั้งฝั่ง Mass Adoption และ Use Case เฉพาะทาง โดยไม่ต้องจำกัดตัวเองแค่ DeFi 

นอกจากด้าน Product แล้ว ยังมี Roadmap ที่ชัดเจนพร้อมเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นอย่างต่อเนื่องด้วยฟีเจอร์อย่าง Stylus, BoLD, ZK+Optimistic Hybrid, Chain Clusters, Universal Intent Engine และ Decentralized Sequencer สะท้อนว่าทีมพัฒนาไม่ได้หยุดแค่การปรับประสิทธิภาพ แต่กำลังวางรากฐานเพื่อรองรับอนาคตของ Ethereum และยังมี ArbitrumDAO ที่ช่วยสร้าง Growth Flywheel พร้อมสนับสนุนโปรเจกต์ให้เติบโตไปพร้อมกับ Ecosystem 

ทั้งหมดนี้ทำให้ Arbitrum กลายเป็น Infrastructure ที่มีศักยภาพในการรองรับ Utility ที่หลากหลาย และได้รับประโยชน์จาก Narrative ได้มาก ไม่ว่าจะเป็น RWA ด้วยการมี Institutional Onboarding ที่แข็งแรง เช่น การร่วมมือกับ BlackRock, Franklin Templeton, WisdomTree และแพลตฟอร์ม RWA ชั้นนำ ทำให้ Arbitrum มีช่องทางดึงเม็ดเงินสถาบันเข้าสู่ L2 ได้รวดเร็ว

ความเสี่ยง

Arbitrum ยังต้องเผชิญการแข่งขันจาก ZK-Rollup และ L2 รายอื่นอย่างเช่น  Base, zkSync, Optimism ซึ่งต่างเร่งพัฒนาเทคโนโลยี โดยบางรายได้เปรียบในด้านความเร็ว Finality หรือประสบการณ์ผู้ใช้งาน (UX) ขณะเดียวกัน ความท้าทายด้าน Decentralization ก็ยังเป็นประเด็นสำคัญ 

แม้ Roadmap จะระบุถึงแผนการใช้ Decentralized Sequencer แต่หากการนำไปใช้จริงล่าช้า อาจถูกโจมตีทางภาพลักษณ์ว่ายังเป็นระบบรวมศูนย์ นอกจากนี้ การพึ่งพาแพลตฟอร์ม DeFi รายใหญ่และพันธมิตรสถาบันหมายความว่าหาก Partner เหล่านี้เปลี่ยนทิศทางหรือเลิกการใช้งาน อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อ TVL และอัตรา Adoption ของ Arbitrum ได้ทันที

ดาวน์โหลด
DOWNLOAD FOR FREE!
Kuljira I.

Research ที่เกี่ยวข้อง

Infrastructure
SUI Network: บล็อกเชน Layer-1 น้องใหม่ที่กำลังมาแรงประจำ Cycle นี้
Watcharawich
August 6, 2025
Infrastructure
Macro
🚀 Strategic ETH Reserve มาแรง! The Ether Machine เตรียมถือ 400,000 ETH บุกตลาด NASDAQ
Kuljira I.
DeFi
Infrastructure
Arbitrum STIP โปรเจกต์ไหนได้ไปต่อ ?
Natthaphong Saruasawan
October 23, 2023