ในตอนแรก Circle ตั้งเป้าที่จะเสนอขายหุ้น Class A จำนวน 24 ล้านหุ้นในช่วงราคา 24-26 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งจะทำให้ Circle มี Valuation อยู่ที่ประมาณ 5,400 ล้านดอลลาร์
แต่ด้วยความต้องการของนักลงทุนที่ล้นหลาม ทำให้บริษัทขยายการเสนอขายหุ้นเป็น 34 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 31 ดอลลาร์ ทำให้การ IPO ในครั้งนี้ Circle สามารถระดมทุนได้ถึง 1,100 ล้านดอลลาร์
ความสำเร็จของ IPO ในครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่ออนาคตของ Stablecoin
JPMorgan, Citi Group และ Goldman Sachs ที่เป็นยักษ์ใหญ่ด้านการเงินจาก Wall Street ได้เข้ามาทำหน้าที่เป็น Lead Bookrunners ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้กับ Circle เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ARK Investment Management ของ Cathie Wood ยังสนใจที่จะเข้าซื้อหุ้นมูลค่าสูงถึง 150 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า BlackRock ก็สนใจในการเข้าซื้อหุ้นด้วยเช่นกัน
ในปี 2022 Circle เคยพยายามที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ผ่านสิ่งที่เรียกว่า SPAC โดยในตอนนั้นตั้งเป้ามูลค่าของบริษัทเอาไว้สูงถึง 9,000 ล้านดอลลาร์ แต่ด้วยความที่ตลาดคริปโตอยู่ในช่วง Bear Market ทำให้ข้อตกลงดังกล่าวล่มไป
นอกจากนี้ ในช่วงก่อน IPO ยังมีข่าวลือว่า Coinbase และ Ripple ได้พยายามเจรจาขอซื้อกิจการ Circle ด้วยมูลค่าราว 5,000 ล้านดอลลาร์ แต่ Circle ได้ออกมาปฏิเสธ และระบุชัดเจนว่า “บริษัทนี้ไม่ได้มีไว้ขาย”
รายได้ส่วนใหญ่ของ Circle มาจากสินทรัพย์สำรองที่ใช้ค้ำประกันในการออก USDC โดยในปี 2024 รายได้กว่า 97% จากทั้งหมด 1,680 ล้านดอลลาร์ มาจากดอกเบี้ยที่ได้จากสินทรัพย์สำรองเหล่านี้
สินทรัพย์สำรองดังกล่าวประกอบไปด้วยเงินสด และพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เก็บไว้อย่างปลอดภัยโดย BNY Mellon และได้ให้ Blackrock เป็นผู้บริหารจัดการกองทุนในชื่อ Circle Reserve Fund
ส่วนถ้าเราไปดูผลประกอบการทางการเงิน รายได้ของ Circle เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2022-2024 แต่ถึงแม้รายได้จะเพิ่มขึ้น กำไรสุทธิกลับลดลงจาก 270 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 เหลือ 155 ล้านดอลลาร์ในปี 2024
เพราะว่าทาง Circle มีค่าใช้จ่ายให้กับ Coinbase ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญมากถึง 900 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา ผ่าน Revenue Sharing Agreement ที่ทั้งสองบริษัทตกลงที่จะยุบ Centrer Consortiu, ทำให้ USDC ตกอยู่ในการควบคุมของ Circle อย่างแต็มรูปแบบ แลกกับการที่ Coinbase จะได้รับดอกเบี้ย 100% สำหรับ USDC ที่อยู่บนแพลตฟอร์ม และ 50% สำหรับดอกเบี้ยที่อยู่ภายนอกแพลตฟอร์ม
ความร้อนแรงของหุ้น Circle ไม่ได้จบลงที่แค่ IPO เพราะวันแรกที่เข้าตลาด ราคาพุ่งไปถึง 69 ดอลลาร์ และปิดการซื้อขายในวันเดียวกันที่ 83.23 ดอลลาร์
ณ เวลาที่เขียน ราคาหุ้นของ Circle ทำการซื้อขายอยู่ที่ 256 ดอลลาร์ต่อหุ้น (ที่ตลาด Pre-Market) ซึ่งเท่ากับว่า Valuation ของ Circle พุ่งทะลุ 58,000 ล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว
ด้วย Valuation ขนาดนี้ ทำให้ Circle มี P/E Ratio สูงถึง 800 เท่า
การที่ตลาดให้ Valuation ของ Circle สูงขนาดนี้ อาจเป็นเพราะว่า Circle มีความพิเศษในฐานะที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญสำหรับอนาคตของระบบเศรษฐกิจบนบล็อกเชน
นอกจากนี้ กฏหมาย GENIUS Act ยังทำให้ USDC กำลังจะกลายเป็นเหรียญ Stablecoin อันดับหนึ่งบนแผ่นดินสหรัฐฯ อีกด้วย
การที่ Circle มีความแข็งแกร่ง, สภาพคล่องสูง และได้รับความไว้วางใจจากสาธารณะชนมากขึ้น ส่งผลดีต่อตลาดคริปโตโดยรวม (ยกเว้น Stablecoin ตัวอื่น) เพราะมันจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน
บล็อกเชนที่มี Native USDC อย่าง Ethereum, Solana หรือ Layer-2 อย่าง Base และ Arbitrum อาจได้รับผลประโยชน์ในระยะยาว โดยเฉพาะบล็อกเชนที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ ซึ่งหาก USDC ได้รับการยอมรับในวงกว้างสำหรับการชำระเงิน ปริมาณธุรกรรมจำนวนมากก็
Narrative ที่กำลังค่อยๆ เติบโตอย่าง RWA อาจจะได้รับอานิสงค์ไปด้วยเพราะการ IPO ของ Circle เป็นการเชื่อม TradFi กับโลกคริปโตเข้าด้วยกัน โดย Boston Consulting Group คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 16 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
ในอนาคต แพลตฟอร์มหรือโปรเจกต์ที่ทำเกี่ยวกับ RWA อย่าง Ondo Finance, Hedera, Centrifuge อาจได้รับแรงส่งจากการ IPO ของ Circle
ต้องติดตามกันต่อไปว่า Circle IPO ผลักดันตลาดคริปโตไปได้หรือไม่ และถ้าได้ จะไปได้มากแค่ไหนในอนาคต