คืนที่ผ่านมา BNB Smart Chain (BSC) ได้เปิดตัว Layer 2 ตัวใหม่ที่ชื่อว่า opBNB โดยใช้เป็นการ Fork Optimism version ล่าสุดที่อัปเกรด Bedrock เข้ามาแล้ว ความน่าสนใจของ opBNB จะมีอะไรบ้าง? ทำไมถึงเลือกใช้ OP Stack ในการทำงาน? และเมื่อเทียบกับ Layer 2 ตัวอื่นๆทั้งของ BSC เองอย่าง zkBNB หรือ BNB Greenfield หรือของ Ethereum อย่าง Optimism และ Arbitrum นั้นมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันอย่างไร บทความนี้จะมาสรุปให้ได้อ่านกันครับ
ในวันที่ 19 มิถุนายน BNB Smart Chain (BSC) ได้ประกาศเปิดตัว Scaling solution ตัวใหม่ที่ชื่อว่า "opBNB" บน Testnet โดยเป็นการ Fork Optimism version ล่าสุดที่มีการ implement Bedrock เข้ามาแล้ว (อ่านเพิ่มเติม Bedrock การอัพเกรดครั้งใหญ่ของ Optimism )
ทำให้ opBNB นั้นจะสร้างอยู่บน BSC ถึงแม้ว่าจะใช้ Technology อย่าง OP Stack แบบเดียวกันกับ Optimism ซึ่งเป็น Layer 2 ของ Ethereum ก็ตาม และยังได้องค์ประกอบอื่นๆที่เป็นข้อดีอย่าง Optimistic rollup ที่ใช้ Fraud proof และการรองรับแบบ EVM-compatible อีกด้วย ซึ่งจะแตกต่างจาก Layer 2 ตัวก่อนที่ได้เปิดตัวไปอย่าง zkBNB ที่ยังไม่รองรับ EVM-Compatible
opBNB เป็น Layer 2 ของ BSC ที่ออกแบบมาเป็น Modular Blockchain ทำให้สามารถแบ่งหน้าที่หลัก 2 จาก 3 อย่าง คือ Settlement Layer และ Data Availability ออกไปให้บริษัทสามารถทำได้ ยกตัวอย่าง เช่น
opBNB จะทำหน้าที่บีบอัด (Rollup) ธุรกรรมบน Layer 2 ใส่ลงไปใน BSC ให้ ทำให้การทำงานของ opBNB นั้นสามารถแยกส่วนกันพัฒนาได้ไม่ต่างกันกับ Layer 2 ของ Ethereum ตัวอื่นๆ หรือ Blockchain Layer 1 ตัวใหม่ๆ อย่าง Celestia ที่เน้นพัฒนาด้าน Consensus และ Data Availability layer เท่านั้น
ParameteropBNB valueOptimism valueEthereum value (for reference)Block gas limit100,000,000 gas30,000,000 gas30,000,000 gasBlock gas target50,000,0005,000,000 gas15,000,000 gasEIP-1559 elasticity multiplier262EIP-1559 denominator8508Maximum base fee increase (per block)12.5%10%12.5%Maximum base fee decrease (per block)12.5%2%12.5%Block time in seconds1212
ด้วยนวัตกรรมของ opBNB ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก OP Stack ทำให้สามารถรองรับ 4,761 ธุรกรรมต่อวินาที มากกว่า 2,000 ธุรกรรมต่อวินาทีของ Optimism และ BSC (แต่ยังน้อยกว่า 40,000 ธุรกรรมต่อวินาทีของ Arbitrum One) โดย opBNB พัฒนา “Batcher” ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล (Data Accessibility) ทำให้ Caching Layer (เลเยอร์ที่เก็บข้อมูลที่ใช้ซ้ำบ่อย) กับการปรับแต่งการบันทึกข้อมูลสามารถทำงานได้พร้อมกัน
นอกจากนี้ค่าแก๊สของ opBNB โดยเฉลี่ยจะอยู่เพียง $0.005 เท่านั้น เมื่อเทียบกับ BSC ที่ค่าแก๊สโดยเฉลี่ยอยู่ที่ $0.109 เป็นการลดลงถึง 95.41% ซึ่งถือว่าเยอะมากและจะทำให้มีการใช้งานหรือพัฒนา Dapp ต่างที่จำเป็นต้องใช้ Transaction บ่อยๆอย่างตลาด Perp ได้สะดวกยิ่งขึ้น
opBNB รองรับ Ethereum Virtual Machine (EVM) compatible ทำให้นักพัฒนาที่คุ้นเคยกับการเขียน Smart Contract บน Ethereum สามารถเขียนบน opBNB ได้โดยที่ไม่ต้องปรับแต่งอะไร ดังนั้นการพัฒนาบน Ethereum ก็สามารถให้ประโยชน์ได้กับ opBNB ด้วยเช่นกัน
opBNB มีความปลอดภัยและมั่นใจในความถูกต้องของเชนได้จากการใช้ Fraud proof ตรวจสอบ ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดว่า Fraud proof ของ opBNB เป็นแบบไหน แต่หากเป็นแบบเดียวกับ Optimism จะหมายถึงการรวม Transaction หลายๆอัน (Rollup) เป็นชิ้นเดียวแล้วส่งให้ BSC เพียงธุรกรรมใหญ่เดียว ทำให้ลดค่าธรรมเนียมและระยะเวลาตรวจสั้นลงอย่างมาก ซึ่งการส่งให้นั้นจะไม่มีการตรวจสอบเพราะตีความให้ถูกต้องทั้งหมด (Optimistic) แต่มีเวลาให้ 7 – 14 วันเรียกว่า Challenge Period ที่จะเปิดให้ใครมาแย้งว่ามีธุรกรรมที่ผิดพลาดได้ หลักการนี้เรียกว่า Fraud Proof
อย่างไรก็ตามผู้จัดเรียงธุรกรรม (Sequencer) เข้าไปใน Rollup นั้นอาจใช้เพียงกลุ่มคนเล็กๆเท่านั้น เราจึงต้องเชื่อใจว่าจะไม่มีการทุจริตหรือการประพฤติที่ทำให้เชนหมดมูลค่า แต่ถ้า opBNB ถูกพัฒนามาจาก Optimism version Bedrock จริง อนาคตก็จะมีความพยายามทำให้ Sequencer มีความกระจายศูนย์ (Decentralized) มากยิ่งขึ้น
ด้วยความที่ opBNB พัฒนามาจาก Optimism และยังออกแบบเป็น Modular Blockchain ทำให้ opBNB ในตอนนี้สามารถพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต ทั้งจากการพัฒนาด้วยตัวเองอย่าง BNB Greenfield ที่ช่วยด้าน Data Availability Layer หรือหาก EIP-4844 Proto-Danksharding และ Danksharding จากทางฝั่ง Ethereum สำเร็จก็จะนำมา Implement ได้เช่นกัน
opBNB ถูกออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับ Layer 2 ตัวอื่นๆได้หมดด้วยมาตรฐานแบบเดียวกันกับ EVM-compatible อื่นๆ เราน่าจะได้เห็นการสร้าง Bridge หรือ Dapp ต่างๆที่สามารถเชื่อมต่อเข้ามาใช้งานบน opBNB ได้อย่างรวดเร็ว
โดยปัจจุบันมี zkBridge ของ Polyhedra ก็รองรับ opBNB แล้ว เป็นต้น
นอกจากนี้เมื่อเทียบต้นทุนกับของบริษัทบัตรเครดิตชั้นนำของโลก จะเห็นว่า Visa ที่ต้นทุนต่ำที่สุดนั้นจะอยู่ที่ $0.179 ($10*1.29% + $0.05) แพงกว่าของ opBNB ที่ $0.005
เทรนด์ในอนาคตหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของ Layer 2 อย่างชัดเจน เนื่องจาก Layer 1 นั้นจะเป็น Backbone ที่แข็งแกร่งให้กับ Blockchain การออกแบบนั้นจึงต้องมีความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยและความกระจายศูนย์ในระดับหนึ่งที่ทำให้เกิดการโจมตีที่ยากที่สุด ทำให้ในเรื่อง Scalability นั้นขาดไป
จะเห็นได้จาก Chart transaction ต่อวันระหว่าง Ethereum และ Layer 2 อย่าง Arbitrum และ Optimism นั้นในช่วงหลัง Arbitrum มีจำนวน Transaction แซง Ethereum ไปแล้ว เนื่องจากมีความเร็วและค่าแก๊สที่ต่ำกว่า โดยการยอมแลกความ Decentralized ออกไปส่วนหนึ่ง
ทาง BSC เองก็คงจะเห็นเทรนด์นี้จึงได้ออกทั้ง BNB sidechain, zkBNB และ BNB Greenfield มารองรับเรื่องเหล่านี้ แต่ด้วยความที่มีความเฉพาะกลุ่มมากเกินไปจึงไม่ได้กระแสตอบรับที่ดีมากนัก การมาของ opBNB อาจจะสร้างปรากฏการณ์แบบเดียวกับ Arbitrum ทำกับ Ethereum ได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างมาก
จากอดีตที่ผ่านมา Arbitrum และ Optimism เป็น Optimistic Rollup ที่มีเหรียญ แม้ opBNB จะเป็น Layer 2 แบบ Optimistic Rollup เช่นกัน แต่เรามองว่าจะใช้ BNB เป็นเหรียญหลักเพียงเหรียญเดียวและการใช้งานยังเป็นเพียง Testnet เท่านั้น จึง "มีโอกาสเล็กน้อยมากๆ" ที่ opBNB จะแจก Airdrop ให้ผู้ที่ใช้งาน ใครที่มีเวลา สามารถทดลองใช้ได้ดังนี้
*ในขณะที่เขียน ยังไม่มี Dapp ไหนเปิดให้ทดลองใช้งานนอกจากการ Bridge เท่านั้น
ขอ BNB บน Testnet ได้ที่ Discord BNB Chain: https://discord.gg/bnbchain