ในยุคที่โลกคริปโทเริ่มเข้าสู่ช่วงของการพยายามเข้าสู่คนหมู่มาก (Mass Adoption) ー SUI Network กลายเป็นหนึ่งในเชนรุ่นใหม่ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งนักพัฒนา นักลงทุน และผู้ใช้งานทั่วไป ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนาเพื่อให้เกิด "Web3 ที่ใช้งานได้จริง" โดยเน้นประสบการณ์การใช้งานให้ง่ายไม่ต่างจากโลก Web2 แต่ผสมความเป็นเจ้าของจาก Web3 เข้าด้วยกัน SUI ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ใช้ระดับพันล้าน ด้วยโครงสร้าง แบบ Object-Centric และการประมวลผลแบบขนาน (parallel execution) บนพื้นฐานของภาษา Move
หลังจากเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2023 SUI เติบโตอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นมูลค่า TVL ที่แตะระดับพันล้านดอลลาร์ และ ผู้ใช้งานรายวันหลักล้าน Address
บทความนี้จะพาไปรู้จักกับ SUI Network ทั้งในเรื่องของพื้นฐานของ SUI รวมถึงอัปเดตล่าสุดในปี 2024–2025 ในด้านต่างๆ ว่าทำไมคนถึงเริ่มพากันมาเก็ง SUI ใน Cycle นี้
SUI Network คือบล็อกเชน Layer 1 ที่พัฒนาโดย Mysten Labs ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยอดีตทีมงานหลักจาก Meta (Facebook) ที่เคยร่วมพัฒนา Diem Blockchain ที่เคยถูกพับโครงการไปและภาษา Move Programming Language โดยเฉพาะ Evan Cheng (CEO), Sam Blackshear (Chief Scientist), George Danezis และ Adeniyi Abiodun ซึ่งมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้าง blockchain ที่สามารถรองรับผู้ใช้งานในเสกลระดับโลกได้อย่างแท้จริง
ปัญหาหนึ่งของโลก Web 3 ปัจจุบันคือการใช้งานที่เข้าถึงยากและรองรับการใช้งานได้ไม่เยอะพอ ซึ่ง SUI มุ่งเน้นการออกแบบเพื่อให้สามารถสเกลได้ในระดับสูงสุดเพื่อให้รองรับประสบการณ์การใช้งานที่ใกล้เคียง Web 2 และเป้าหมายหลักคือการทำให้มีความเร็วในการยืนยันธุรกรรมที่รวดเร็ว ลดความหน่วง และเพิ่มปริมาณธุรกรรมสูงสุด หรือพูดอย่างง่ายก็คือ การทำให้ Web3 ง่ายและเนียนพอที่ทำให้คนไม่รู้สึกแตกต่างจากชีวิตประจำวันก่อนหน้านี้
SUI เข้าสู่ Mainnet ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2023 นับเป็นราวๆ 2 ปีในขณะที่เขียนบทความนี้ที่ SUI ตั้งแต่เริ่มต้นการใช้งานมาก่อนการเปิดตัว SUI Mainnet เป็นช่วงของกระแสการล่า Airdrop ตามเชนต่างๆ ซึ่ง SUI เองก็เป็นหนึ่งในเชนที่คนเข้ามาเก็งกันหลังจากที่มีการ Raise Fund ไปถึง 336 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ แต่ในช่วงเปิดตัว หลายคนมีความผิดหวังกับ SUI ที่ทำการ IEO แทนการแจก Airdrop ให้ผู้ใช้งานฟรี ทำให้กระแสเกี่ยวกับ SUI ก็ได้เบาบางลงหลังจากที่ TGE
แต่กระแสการพูดถึง SUI ได้เริ่มกลับมา หลังจากที่ Grayscale ประกาศเปิดกองทุน Grayscale Sui Trust และเขียน Research Report เกี่ยวกับ SUI ทำให้เกิดการกลับมาพูดถึง SUI ใน X ทำให้ Mindshare พุ่งขึ้นมาและกลับมาได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม
ในด้านฝั่ง Report ของ Grayscale มีการพูดถึงว่า $SUI เป็น Blockchain รุ่นที่ 3 ที่การพัฒนาทั้งด้านความเร็ว และการรองรับธุรกรรมด้วยการออกแบบโครงสร้างด้วยเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่
สิ่งที่ทำให้ SUI แตกต่างจากเชนอื่นๆ คือแนวคิด "Object-Centric Model" ซึ่งให้นึกภาพว่าแต่ละ Asset หรือข้อมูลต่างๆบนเชนเป็นเสมือนวัตถุ (Object) แตที่มีเจ้าของ มีคุณสมบัติต่างๆ ซึ่งเราสามารถจัดการ เปลี่ยนแปลงและโอนย้ายได้อย่างรวดเร็ว เสมือนการกระทำกับวัตถุชิ้นต่างๆในโลกจริง
รวมถึงการประมวลผลแบบขนาน (Parallel Execution) ที่ช่วยให้ธุรกรรมจำนวนมากสามารถประมวลผลพร้อมกันได้แบบคู่ขนาน และไม่ต้องต่อแถวรอธุรกรรมเสร็จไปทีละรายการแบบเชนดั้งเดิมอย่าง Ethereum
นวัตกรรมเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยภาษา Move ที่ Mysten Labs นำมาปรับแต่งใช้กับ SUI โดยเพิ่มแนวคิดเรื่อง ownership ของ asset และการจัดการ state ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ SUI สามารถรองรับ TPS (ธุรกรรมต่อวินาที) ได้สูงมาก ในการทดสอบเครือข่าย SUI เคยทำได้ถึง ~297,000 TPS เลยทีเดียว (บน Testnet) ซึ่งเหนือกว่าเชนรุ่นก่อนหน้าอย่างมาก
แม้ว่า SUI และ Aptos จะมีรากฐานเดียวกันจาก Meta และใช้ภาษา Move เหมือนกัน แต่แนวทางการออกแบบมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย SUI มุ่งสร้างเชนที่เร็ว, UX ดี และยืดหยุ่นต่อการสร้าง Asset ที่ซับซ้อน ในขณะที่ Aptos เน้นด้านความปลอดภัยและความเข้มงวดทางสถาปัตยกรรมมากกว่า เหตุนี้จึงทำให้บ่อยครั้ง SUI จะถูกเปรียบเทียบกับ Aptos ที่มีความคล้ายคลึงกัน
Solana เองแม้จะเป็นผู้นำในด้าน DeFi และ NFT ecosystem แต่ SUI เริ่มรุกเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยโมเดลที่เหมาะกับเกม แอปพลิเคชันรูปแบบใหม่ และความเป็นไปได้ในการรองรับธุรกรรมที่มากกว่าแบบคู่ขนาน
ตามข้อมูลจาก Defillama - Total Value Locked หรือ เงินที่อยู่บนเชน SUI มีมูลค่าเป็นอันดับที่ 9 เมื่อเทียบกับเชนอื่นๆ ด้วยมูลค่า 2.139 พันล้านดอลล่าร์ (68,000 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าเป็นมูลค่าที่ค่อนข้างเยอะ เมื่อเทียบกับเชนอื่นๆที่อยู่มานานกว่า
นอกจากนี้ ปริมาณธุรกรรมบนแอปกระดานเทรดแบบกระจายศูนย์ (DEX) ในเครือข่าย SUI ก็พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ถึงขั้นมีวันที่มูลค่าการซื้อขายรวมแตะเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว (ช่วงปลายมีนาคม 2025) สะท้อนถึงความคึกคักของการใช้งาน DeFi บน SUI ขณะเดียวกัน กิจกรรมของนักพัฒนาบน SUI ก็คึกคักไม่แพ้กัน โดยความถี่ในการ commit โค้ดของ SUI บน Github ทำสถิติสูงถึงกว่า 500 ครั้งต่อสัปดาห์ (ช่วงปลายปี 2024) ซึ่งมากกว่าของ Solana และ Aptos ที่อยู่ราว 100 ครั้งต่อสัปดาห์ถึง 5 เท่า สิ่งนี้บ่งชี้ว่า SUI มีชุมชนนักพัฒนาที่แอคทีฟและมุ่งมั่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จระยะยาวของระบบนิเวศ
หลังจากเปิดตัวมาเพียงไม่นาน SUI ได้สร้างและพัฒนาระบบนิเวศน์ (ecosystem) ที่เติบโตอย่างรวดเร็วในทุกๆด้าน ทั้ง DeFi dApps ต่างๆ, NFT และ GameFi ที่เริ่มพัฒนาบน SUI อย่างคึกคักในปี 2024–2025 ดังนี้:
DeFi บน SUI มีการเติบโตโดดเด่น มูลค่า Total Value Locked ของ SUI พุ่งสูงสุดแตะ $2.55 พันล้าน ในช่วงพฤษภาคม 2025 และรักษาระดับเหนือ $2 พันล้านอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2025
Defi ของ SUI ค่อนข้างมีครบครันในหลายๆด้าน เช่น ด้านการกู้ยืม หรือ Lending dApps อย่าง SuiLend และ NAVI ที่มียอดเงินฝากล็อกสูงถึง ~$700 ล้าน และมี Decentralized Exchange ที่โดดเด่นอย่าง Cetus Protocol และ Bluefin AMM ที่ช่วยขับเคลื่อนวอลุ่มการเทรดบนเชน SUI ให้เติบโตอย่างมาก (Cetus มียอดเทรดไตรมาส 2 รวมกว่า $12.8 พันล้านดอลลาร์)
นอกจากนี้ SUI ยังดึงดูดสินทรัพย์สำคัญอย่าง Stablecoin USDC เข้าสู่ระบบนิเวศ โดย Circle ได้เปิดตัว USDC แบบ native บน SUI พร้อมโปรโตคอล Cross-Chain Transfer Protocol (CCTP) เพื่อให้การโอน USDC ข้ามเชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มสภาพคล่องและประสิทธิภาพตลาดบน SUI (ก่อนการเปิดตัวนี้ มี USDC แบบ bridged อยู่บน SUI ราว $250 ล้าน และหลังเปิดตัว native USDC ก็ทยอยย้ายสภาพคล่องมาใช้เวอร์ชันใหม่นี้)
ฝั่งของ NFT บน SUI ก็เริ่มมีความคึกคักเช่นกัน มีตลาดซื้อขาย NFT โดยเฉพาะอย่าง Tradeport และ BlueMove ซึ่งเป็นหนึ่งในมาร์เก็ตเพลสเจ้าแรกๆ บน SUI ที่โฟกัสทั้งงานศิลป์ดิจิทัลและเกม NFT
นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มอย่าง Souffl3 ที่เริ่มจาก Aptos แล้วขยายมาสู่ SUI ช่วยให้คอมมูนิตี้นักสะสมสามารถแลกเปลี่ยน NFT ได้อย่างง่ายขึ้น ระบบนิเวศ NFT ของ SUI มีโปรเจกต์หลากหลายตั้งแต่โปรเจกต์สะสมของที่ระลึกดิจิทัล, โดเมนเนม (เช่น Sui Name Service) ไปจนถึงของสะสมจากแบรนด์เกมดัง ซึ่งเราจะกล่าวถึงในหัวข้อข่าวลือ (มีข่าวว่าคอลเล็กชันจากแฟรนไชส์ระดับโลกอย่าง Pokémon อาจเข้ามาใช้ SUI เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ NFT ของพวกเขา – รายละเอียดในหัวข้อถัดไป)
Gamefi เป็นหนึ่งใน Sector ที่ SUI ภาคภูมิใจด้วยโครงสร้างของ SUI ที่พยายามทำให้เกิดการใช้งานที่ง่ายและเข้าถึงได้โดยคนทั่วไป ทำให้ SUI เหมาะกับการพัฒนาเกมและโลกเสมือนจริงที่ต้องการความเร็วและการปรับแต่งสูง Mysten Labs มีการลงทุนและเข้าซื้อสตูดิโอเกม Parasol ในเดือนมีนาคม 2025 เพื่อผลักดันเกมบน SUI โดยตรง นอกจากนี้ SUI Foundation ยังสนับสนุนโครงการเกมต่างๆ เช่น เกมการ์ดสะสมดิจิทัล และเกมแนว metaverse ที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถของ SUI ในการรองรับธุรกรรมจำนวนมากแบบเรียลไทม์
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจในการพัฒนา GameFi ในฝั่ง Sui คือการออกเครื่องเกม SuiPlay ซึ่งประสานเทคโนโลยี zkLogin ทำให้ Login อย่างง่าย และสามารถเล่นได้ทั้งเกมที่มาจากใน Sui หรือเกมที่อยู่นอก Sui - สิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งในวิธีที่เป็นความพยายามทำให้ Sui เข้าสู่กระแสหลักในคนหมู่มากได้ง่ายขึ้น
อีกทั้ง SUI ยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรด้านฟินเทคเพื่อขยายการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การร่วมมือกับแพลตฟอร์มการเงิน xMoney และแอป xPortal เพื่อออกบัตร Mastercard เสมือนบน SUI สำหรับผู้ใช้ในยุโรป ทำให้สามารถใช้จ่าย SUI และคริปโตอื่นผ่าน Apple Pay/Google Pay ได้สะดวก ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวบัตรจริงภายในปี 2025 ความเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ SUI ในการบุกเบิกทั้งด้านเกมและการใช้งานคริปโตในชีวิตประจำวันจริงๆ
ช่วงปี 2024–2025 มีข่าวลือและกระแสต่าง ๆ ที่ทำให้คนให้ความสนใจกับ SUI อีกอย่างมาก ซึ่งหนึ่งในข่าวลือที่เป็นกระแสที่สุดก็คือ ความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับบริษัท Pokémon:
ข่าวลือนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2025 เมื่อมีผู้ค้นพบว่าการอัปเดต Privacy Policy ของ Application Pokémon HOME ได้ระบุถึงบริษัท “Parasol Technologies” เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ ซึ่ง Parasol เป็นสตูดิโอเกมบล็อกเชนที่ถูกเข้าซื้อกิจการโดย Mysten Labs (ทีมพัฒนา SUI) เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ความเชื่อมโยงโดยตรงนี้ทำให้เกิดการพูดถึงตาม Community ต่างๆว่า ไปไกลว่า The Pokémon Company อาจมีแผนผนวก IP โปเกมอนเข้ากับบล็อกเชน SUI ไม่ว่าจะในรูปแบบ NFT ของสะสมดิจิทัล หรือสินทรัพย์ในเกมก็ตาม โดยเฉพาะเมื่อช่วงเดียวกันนั้นแอป Pokémon HOME ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า “Medals” ซึ่งให้ผู้เล่นเก็บเหรียญที่ระลึกจากอีเวนต์โลกจริงและสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ (คาดว่า Medals นี้อาจเป็น NFT ที่บันทึกบน SUI) ข่าวลือนี้ส่งผลให้ทั้งเหล่า influencer และผู้ใช้โซเชียลมีเดียต่างพูดถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวกันอย่างคึกคัก และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันราคาโทเคน SUI พุ่งขึ้นกว่า 60% ภายในไม่กี่วันช่วงปลายเมษายน 2025
แม้ในประกาศอย่างเป็นทางการของ Sui Foundation วันที่ 23 เม.ย. เกี่ยวกับการเปิดตัวเกมการ์ดสะสมของ Parasol บน SUI จะไม่ได้เอ่ยชื่อ Pokémon แต่อย่างใด (มีเพียงผู้ใช้บางรายที่อ้างว่าเห็นคำว่า “PokemonNFT” ในบล็อกเวอร์ชันแรกก่อนจะถูกแก้ไข) แต่ Privacy Policy ดังกล่าวก็เพียงพอที่จะจุดกระแสการคาดการณ์ และล่าสุดมีรายงานข่าวในเดือนมิถุนายน 2025 ว่า The Pokémon Company ได้เริ่มทดลองนำ “ของที่ระลึกดิจิทัล” (Digital Souvenirs) มาใช้ในอีเวนต์เกมของตัวเอง โดย Medals ใน Pokémon HOME ที่ผู้เล่นสะสมได้นั้นแท้จริงแล้วเป็น NFT ที่ทำงานบนบล็อกเชน SUI ซึ่งนับเป็นการยืนยันกลายๆ ถึงการผสานโลกเกมโปเกมอนเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน หากเรื่องนี้พัฒนาไปเต็มรูปแบบ ก็หมายความว่าโลกของ Pokémon ที่เป็นแฟรนไชส์บันเทิงระดับโลกกำลังเปิดประตูสู่วงการ Web3 ผ่าน SUI อย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยใหญ่และ Use Case จริงที่มีโอกาสจะดึงดูดผู้ใช้กระแสหลักเข้าสู่เครือข่าย SUI ได้อย่างมหาศาล
(หมายเหตุ: จนถึงตอนนี้ ทางบริษัท Pokémon ยังไม่ได้ประกาศความร่วมมือกับ SUI โดยตรง ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นเป็นข่าวลือ/การค้นพบจากชุมชน แต่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ก็เพียงพอที่จะสร้างความตื่นเต้นให้ตลาดและผู้ถือ SUI ไม่น้อย) นอกจากข่าวลือ Pokémon แล้ว SUI ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ถูกพูดถึง เช่น ข่าวการยื่นจัดตั้งกองทุน ETF สำหรับ SUI โดยบริษัทจัดการสินทรัพย์ 21Shares ซึ่งมีการพบข้อมูลการจดทะเบียนกองทุน “21Shares SUI ETF” ในรัฐเดลาแวร์ สหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นปี 2025 แม้จะยังไม่มีการอนุมัติหรือเปิดขายจริง แต่ก็เป็นสัญญาณบวกว่ามีความสนใจจากฝั่งสถาบันในการสร้างผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อ้างอิง SUI อีกข่าวที่สร้างความฮือฮาคือการประกาศความร่วมมือกับ xPortal ที่กล่าวไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่า SUI กำลังเดินหมากเชิงกลยุทธ์เพื่อเพิ่มการใช้งานจริงทั้งในโลกเกมและโลกการเงิน
หนึ่งในพัฒนาการล่าสุดที่ช่วยส่งเสริมความมาแรงของ SUI คือการที่บริษัทต่างๆเริ่มพิจารณานำ SUI เข้ามาอยู่ใน Treasury ของตัวเองพร้อมๆกับเทรนด์ที่บริษัทเริ่มมาถือ Bitcoin หรือ Ethereum เป็นสินทรัพย์สำรอง โดยกรณีตัวอย่างที่เป็นข่าวใหญ่คือ:
ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัทไฟแนนซ์ Mill City Ventures III ซึ่งจดทะเบียนในตลาด Nasdaq สร้างความฮือฮาเมื่อประกาศระดมทุนวงเงิน 450 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อเข้าซื้อ SUI เป็นทรัพย์สินสำรองหลักของบริษัท การลงทุนครั้งนี้คิดเป็นสัดส่วนถึง 98% ของเงินที่ระดมมา (อีก 2% เก็บไว้ใช้ในธุรกิจปล่อยกู้เดิมของบริษัท) ซึ่งเท่ากับว่า Mill City จะกลายเป็น “บริษัทมหาชนรายแรก” ที่ถือ SUI เป็นสินทรัพย์หลักใน Treasury ของตัวเอง โดยมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ Sui Foundation ในการจัดสรรค์โทเคนครั้งนี้ ทำให้หุ้นของ Mill City พุ่งขึ้นถึง 270% ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากประกาสข่าว สิ่งนี้สะท้อนมุมมองบวกของนักลงทุนต่อกลยุทธ์ใหม่นี้
การที่บริษัทมหาชนหันมาถือครอง SUI ในงบดุลถือเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นของสถาบันต่อ SUI เพิ่มสูงขึ้น ไม่ใช่แค่ Bitcoin หรือ Ethereum อีกต่อไปที่ได้รับการยอมรับในหมู่บริษัทใหญ่ๆ เท่านั้น SUI ซึ่งปัจจุบันเป็นคริปโตที่มีมูลค่าตลาดอยู่ในอันดับประมาณ 15 ของโลก ได้ก้าวเข้ามาอยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนองค์กรแล้ว การลงทุนของ Mill City ครั้งนี้นำโดยบริษัทร่วมทุน Karatage และมีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านคริปโตอย่าง Galaxy Digital, Pantera Capital และอื่นๆ เข้าร่วมด้วย สะท้อนให้เห็นเม็ดเงินสถาบันที่เริ่มไหลเข้าสู่เครือข่าย SUI
นอกจากกรณีของ Mill City แล้ว เร็วๆ นี้ยังมีข่าวการยื่นขอจัดตั้ง กองทุนทรัสต์ SUI สำหรับนักลงทุนสถาบัน (โดย Grayscale ที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้า และโดย Canary Capital ที่ยื่นเสนอ SUI ETF) ตลอดจนความเคลื่อนไหวจากภาคธุรกิจดั้งเดิม เช่น กลุ่มตลาดหลักทรัพย์เอเธนส์ (ASE) ที่ประกาศว่าได้ออกแบบแพลตฟอร์มระดมทุนบนบล็อกเชน SUI เสร็จสมบูรณ์ในเดือนเมษายน 2025 สิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งบอกว่า SUI กำลังได้รับการยอมรับมากขึ้นในวงการธุรกิจการเงินกระแสหลัก
แนวโน้มดังกล่าวคล้ายกับช่วงที่ MicroStrategy นำ Bitcoin เข้ามาไว้ใน Treasury บริษัทเมื่อไม่กี่ปีก่อน เพียงแต่รอบนี้บริษัทต่างๆ เริ่มมองหาบล็อกเชนทางเลือกที่มีศักยภาพรองรับการใช้งานจริงได้มากกว่าแค่การเก็บมูลค่า (store of value) — SUI จึงกลายเป็นตัวเลือกหนึ่งเนื่องจากมีความสามารถด้านเทคนิคที่โดดเด่นและอาจสร้างประโยชน์ใช้สอยใหม่ๆ ให้กับองค์กรได้ในอนาคต กล่าวได้ว่าการที่ SUI ถูกเพิ่มเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ corporate treasury ถือเป็นอีกหมุดหมายของการยอมรับในวงกว้าง และช่วยยกระดับความน่าเชื่อถือของ SUI ในสายตานักลงทุนกระแสหลัก
SUI Network ได้ก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่งในโลกคริปโทประจำรอบ cycle นี้อย่างน่าจับตามอง จากบล็อกเชนหน้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2023 สู่การเป็นหนึ่งในเชนที่มีมูลค่าเงินล็อกสูงระดับพันล้านดอลลาร์ มีชุมชนนักพัฒนาที่แข็งแกร่ง และมีการใช้งานจริงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในภาค DeFi, NFT และ GameFi ความโดดเด่นทางเทคโนโลยีของ SUI (แนวคิด object-centric, Parallel Execution ด้วยภาษา Move) ประกอบกับทีมผู้ก่อตั้งระดับหัวกะทิจาก Silicon Valley ทำให้ SUI ถูกคาดหมายว่าจะรองรับ killer application ที่ดึงผู้ใช้หลักล้านหรือพันล้านได้ในอนาคตไม่ไกล
ปัจจัยกระตุ้นสำคัญในช่วงปี 2024–2025 ได้แก่ การเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่และสถาบัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือการร่วมมือกับแบรนด์เกมระดับโลกอย่าง Pokémon ที่สร้างความตื่นเต้นอย่างมาก หรือการที่บริษัทมหาชนอย่าง Mill City Ventures ทุ่มทุนถือ SUI เป็นสินทรัพย์สำรอง ตลอดจนการที่ Grayscale และผู้จัดการกองทุนคริปโตอื่นๆ ออกผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อ้างอิง SUI เหล่านี้ล้วนเพิ่มความเชื่อมั่นและการมองเห็น (visibility) ให้กับ SUI ในวงกว้าง
แน่นอนว่า SUI ยังเผชิญความท้าทาย ทั้งแรงกดดันจากอุปทานโทเคนที่ค่อยๆ ปลดล็อกออกมาอย่างต่อเนื่อง และการบ้านเรื่องการดึงดูด dApp ยอดนิยมมาอยู่บนแพลตฟอร์ม แต่ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจน หลายคนเชื่อว่า SUI มีโอกาสที่จะเป็นผู้นำคลื่นลูกใหม่ของ Web3 ที่ “เกิดขึ้นจริง” ตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ จึงทำให้ SUI เป็นที่น่าจับตามองถึงทิศทางในด้านต่างๆใน Cycle นี้