🧵 นักเทรดกำไรทะลุ 3 หมื่นล้านบาทแล้ว!
แต่ทำไมถึงยังไม่มีแรงขาย? และใครคือผู้ที่กำลังกุมเกมอยู่ในรอบนี้?
โพสต์นี้เราจะพาไปดูว่า…
👉 นักเทรดกำไรจริงไหม
👉 ใครยัง HODL อยู่
👉 และถ้าราคาจะไปต่อ แรงซื้อจากไหนจะเป็นตัวดัน
หลังจากที่ Bitcoin ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ $107,000 ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กลับมาอยู่ในสถานะกำไรอีกครั้ง
ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลปัจจุบันแล้ว Market Cap อยู่ที่ $2.13T และ Realized Cap อยู่ที่ $958B ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเติบโตของ Bitcoin ใน Cycle นี้นั้นมีความแข็งแกร่งมาก โดย
🟢 Market Cap +700% จาก Cycle Low
🟢 Realized Cap +200% จาก Cycle Low
Note: Realized Cap คือปริมาณ “เงินจริงๆ” ที่ไหลเข้ามาในสินทรัพย์ โดยการคำนวณนั้นจะคำนวณจากราคาที่ Bitcoin ถูกซื้อซึ่งแตกต่างกับ Market Cap ที่จะคำนวณด้วยราคาปัจจุบันของ Bitcoin
ทำให้หากเราต้องการดูสภาพคล่องของ Bitcoin จริงๆ Realized Cap จะเหมาะสมกว่า
โดยหากเราดูที่กำไรทางบัญชีของ Bitcoin ปัจจุบันอยู่ที่ $1.2T (ล้านล้าน) แล้ว ซึ่งใกล้เคียงกับช่วง All-Time High ก่อนหน้านี้เลยก็ว่าได้
แต่ถึงแม้การกำไรจะสูงขนาดนั้น แต่หากดูที่ MVRV แล้วกลับลดลงอย่างมาก โดยปัจจุบันอยู่ที่ +125% หากเทียบกับช่วง All-Time High ก่อนหน้าที่ 185% และ 177% ตามลำดับ
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้ราคาจะใกล้เคียง ATH แต่ระดับของกำไรยังไม่รุนแรงเท่าเดิม แปลความหมายได้ว่าเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดในตอนนี้นั้นเร็วกว่าราคาของ Bitcoin ที่จะขึ้นไปแล้ว
ถามว่าถ้าตลาดกำไรขนาดนั้นแล้วคนที่ Take Profit จริงๆ มากด้วยหรือเปล่า?
ตรงกันข้ามกันเลย เพราะถ้าเราดู Net Realized Profit/Loss ของ Bitcoin ปริมาณการ Take Profit เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ $800M เท่านั้นซึ่งถ้าเทียบกับ All-Time High ก่อนหน้านี้ นับว่าน้อยลงมาก
แสดงให้เห็นว่าตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะ Wait and See โดยนักลงทุนส่วนมากรอราคาย้ายไป Range ใหม่ แทนที่จะรีบ Take Profit ตอนนี้
LTH Supply ได้ทำ All-Time High ใหม่ที่ 14.7M BTC ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมการถือยาวยังคงเป็นพฤติกรรมหลักของคนในตลาด
จากข้อมูลในอดีตแล้ว การที่ LTH Supply เพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาใกล้ ATH นั้นเป็นสัญญาณที่ดี แสดงว่านักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นและไม่ได้คิดจะเทขายในราคานี้
Liveliness Metric วัดความสมดุลระหว่างการใช้จ่าย (spending) กับการ HODL ซึ่งปัจจุบันยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
ในอดีต เมื่อมีการทำ ATH ใหม่ Liveliness จะมีการปรับตัวขึ้น แสดงถึงการมีการเปลี่ยนมือเพิ่มขึ้น แต่ในครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น
แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรม HODL หรือการถือยังคงเป็นสิ่งที่คนทำเป็นหลักแม้ว่าปัจจุบันราคาจะอยู่บริเวณ All-Time High แล้วก็ตาม
Sell-Side Risk Ratio บอกว่า นักลงุทนที่ได้กำไรหรือขาดทุนนั้น เป็นปริมาณมากหรือน้อยหากเทียบกับต้นทุน
หาก Risk Ratio สูง = ขาดทุนเยอะ กำไรเยอะ ตลาดผันผวนมาก
และในทางตรงกันข้ามกันเลขที่ต่ำหมายถึง ตลาดผันผวนน้อย
โดยปัจจุบันนักลงทุนระยะสั้นก็มีการซื้อขายที่ลดลง เป็นสัญญาณของการ HODL เป็นหลักในตอนนี้
ในทำนองเดียวกัน Long-Term Holder Sell-Side Risk Ratio ก็ได้ลดลงอย่างมาก
การลดลงนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนระยะยาวก็ได้ลดการขายลงเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับสัญญาณอื่นๆ ที่บอกว่าการ HODL เป็นพฤติกรรมหลักของนักลงทุนในขณะนี้
ถึงตอนนี้เราพอประเมินตลาดได้แล้วว่า อยู่ในสถานะสร้างชุดสะสม ถัดมาเราจะประเมินแรงซื้อกัน
Stablecoin Supply Ratio (SSR) บอกแรงซื้อของ Stablecoin โดยอ้างอิงกับ Bitcoin เป็นหลัก
หากตัวเลขนี้มากแปลว่าแรงซื้อ Bitcoin ต่ำ และหากตัวเลขนี้น้อยแปลว่าแรงซื้อสูง
สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อเทียบกับช่วงที่ทำลาย $100K ครั้งแรก SSR ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ดีกว่า แสดงว่าแรงซื้อของนักลงทุนได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากในช่วงนี้
แรงซื้อของ Stablecoin บน Exchange ก็มีข้อมูลที่คล้ายกัน
โดยหากเทียบกับช่วง All-Time High ก่อนหน้านี้ แรงซื้อของ Stablecoin บน Exchange นั้นสูงขึ้นมาก บ่งบอกเราว่าหากมี Catalyst บางอย่างที่ผลักดันราคาขึ้น แรงซื้อเหล่านี้อาจจะส่ง Bitcoin ไปต่อได้
อย่างที่เราทราบว่าตลาด Cycle นี้นั้นทุนหลักเป็นเงินจากสถาบัน
เพราะฉะนั้นการประเมินว่าแรงซื้อของ Bitcoin ที่มากขึ้นหรือลดลงสามารถดูได้จาก ETF Flows
โดยในฝั่งสถาบัน US Spot Bitcoin ETFs ยังคงมีเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ $298M ต่อวัน
Bitcoin นั้นได้ฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็วหลังจากลงไปถึงแนวรับบริเวณต้นทุนของนักลงทุนระยะสั้น ซึ่งสะท้อนออกมาอย่างดีว่าตลาดยังคงมีแรงซื้อที่สูง
อีกอย่างที่น่าสนใจคือแม้กำไรทางบัญชีของ Bitcoin จะสูงถึง $1.2T แต่พฤติกรรมของนักลงทุนกลับแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจถือมากกว่าการเทขายในบริเวณราคานี้ ซึ่งสะท้อนออกมาใน Indicator ต่างๆ
✅LTH Supply ทำ ATH ใหม่ที่ 14.7M BTC
✅Realized Profit ลดลงอย่างมาก
✅Liveliness Metric ยังคงแนวโน้มลดลง
✅Sell-Side Risk Ratio ลดลงทั้งในกลุ่ม STH และ LTH
ในขณะ Demand ในตลาดยังคงแข็งแรง โดยเฉพาะจากกลุ่มสถาบันผ่าน ETF และแรงซื้อของ Stablecoin ที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งบน On-Chain และ Exchange
เพราะเหตุการณ์หลังจากนี้อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดว่าจะเป็นการพักตัวเพื่อไปต่อ หรือการ Form Local Top
สำหรับแนวรับที่สำคัญ บริเวณนี้อยู่ที่ $98,300 (STH Cost Basis) และสำหรับแนวต้านที่สำคัญอยู่ที่บริเวณ $110,000-$115,000
.
ทั้งนี้การลงทุนหรือการเข้าซื้อนั้นควรจะใช้ปัจจัยรวมถึงแนวทางอื่นๆ ในการวิเคราะห์ประกอบด้วย เพื่อการประเมินตลาดได้อย่างครบถ้วนและรอบด้านมากยิ่งขึ้น ข้อมูล On-Chain เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ตลาดเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Glassnode